สำหรับอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ไพรวัลย์ กับเวอร์ชั่นล่าสุดที่อัปเลเวลมาแต่งหญิง พร้อมนามใหม่ว่า “แพรรี่” เติมเต็มฝันวัยเด็ก
สร้างสีสันให้ชาวโซเชียลอย่างมาก สำหรับอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ไพรวัลย์ กับเวอร์ชั่นล่าสุดที่อัปเลเวลมาแต่งหญิง พร้อมนามใหม่ว่า “แพรรี่” สวยเก๋เต็มสิบไม่หัก พร้อมปล่อยคอนเทนต์ใหม่ๆแต่งองค์ทรงเครื่องชุดชะนีจัดเต็มโดนใจโลกออนไลน์อย่างแรง ล่าสุด “แพรรี่” ขอเปิดใจประเด็นร้อนครั้งแรกเรื่องแต่งหญิง ผ่านรายการโต๊ะหนูแหม่ม แบบสวยๆเก๋ๆเป็นตัวเองในแบบที่ควรกดไลค์
ทำไมถึงเปลี่ยนชื่อจาก ไพรวัลย์ เป็น แพรรี่?
“คือหลังๆเอฟซีเริ่มเห็นแนวเรา สไตล์เราแบบนี้ก็ไม่มีใครอยากเรียกเราไพรวัลย์ เพราะว่ามันดูไม่เป็นผู้หญิง (หัวเราะ) คนก็ตั้งให้เยอะมาก ก่อนหน้านี้ก็จะมีชื่อ แพรหวาน อะไรแบบนี้ แต่จะชอบชื่อล่าสุดที่เดี๋ยวนี้ไปไหนคนจะไม่เรียกไพรวัลย์แล้ว ก็จะเรียกว่าแพรรี่ จริงๆได้หมดไม่ติดเลย (หัวเราะ) อะไรก็ได้ที่เอฟซีเอ็นดูเรา เราก็ยินดีให้เขาเรียก”
เรียกว่าตอนนี้แกรนด์โอเพนนิ่งเต็มตัวแล้วหรือยัง?
“จริงๆถ้าแกรนด์นัยยะที่เราจะแต่งแบบนี้ก็ไม่ติดก็ได้ หรือว่าวันดีคืนดีจะแต่งผู้ชายก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะแต่งหญิง 24 ชั่วโมง หรือว่าหญิงทุกครั้งเวลาที่ออกงานก็ไม่ใช่ แกรนด์ในความหมายของหนูคือใส่ได้หมด หนูไม่ติด อย่างเวลาจะทำงาน จะออกรายการลูกค้าก็จะรีเควสให้แต่งแบบนี้นะ ถ้าแต่งว่าแมนมาก็ไม่เอา (หัวเราะ) ลูกค้าก็จะรีเควสมา”
เงาของความเป็นแพรรี่ เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไร?
“มันไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่ในความรู้สึกหนูมันเป็นในเรื่องของไทม์มิ่งมากกว่า แต่ด้วยความที่สมัยตอนเรียนเราชอบกิจกรรม ครูก็จะชอบจับแต่งหญิงแบบนี้เป็นผู้ชายคนเดียวที่ไปอยู่หน้ากลองยาวแล้วก็รำกับเด็กผู้หญิง”
แล้วตอนบวชล่ะ มีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัวไหม?
“ตอนบวชแทบไม่มีเลย เรื่องที่แบบว่าจะมาสนใจในแบบผู้หญิงคือไม่มีเลย อันนี้พูดในเรื่องความสัจจริงคือไม่มีเลย เพราะเราเข้าไปบวชปุ๊บ คือเป็นเด็กที่เข้าไปเรียนจริงๆ และเราก็อยู่ในผ้าเหลืองมาตลอด 18 ปี ในความรู้สึกหรือว่ารสนิยมในการแต่งผู้หญิงมันไม่มี ณ ตอนนั้น”
แล้วพอสึกออกมา เป็นเพราะกองเชียร์ หรือตัวเราเองที่อยากปลดปล่อย?
“เรารู้สึกอยากเป็นตัวเองหรือว่าอยากเป็นอะไรที่เราแฮปปี้ และเรามีความสุข อยากจะลองอยากจะเป็นในแบบที่เราเป็น ในก่อนเวลาที่เราจะบวช ย้อนสมัยเราเป็นประถม อยากลอง ตัวเองอยากเป็นคนสนุก ก่อนหน้านี้เขามีคังคุไบ เราก็อยากแต่งบ้างจะไม่ได้หรอ”
ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดตัว พร้อมรับมือกับคนที่ชังเรายังไง?
“คิดง่ายๆเลยตอนนี้ เราใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น คิดแค่นี้เลยจบ ทุกวันนี้แฮปปี้กับครอบครัว ทำมาหาเลี้ยงครอบครัว และก็ทำมาหากินโดยสุจริต สัมมาอาชีพ เลยไม่รู้สึกว่าการแต่งตัวแบบนี้ต้องอับอายใครก่อน ไม่มีความคิดนี้อยู่ในความรู้สึกเลย ทำไมแต่งตัวแบบนี้แล้วต้องอาย ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันไม่ต้องอายใคร ทุกวันนี้ดิฉันมีงานมีเงิน อยู่กับครอบครัวมีความสุข พ่อแม่แฮปปี้ แม่ดิฉันเห็นดิฉันใส่ชุดนี้แม่ดิฉันยิ้ม แม่ฉันมีความสุขก็จบแล้ว”
Advertisement