"จิตดี ศรีดี" เคลียร์ชัด! หลังเกิดคำถามหายหน้าไปไหนจาก "ทุบโต๊ะข่าว"

ทำเอาคอข่าวตกใจกันยกใหญ่ ถามไถ่กันรัวๆ เมื่อ "จิตดี ศรีดี" คู่ขวัญของ "พุทธ อภิวรรณ" ในรายการข่าวแห่งช่องมงกุฎ อมรินทร์ ทีวี ซึ่งเป็นภาพคุ้นตาที่จะได้เห็นทั้งคู่ในรายการ ทุบโต๊ะข่าว แต่ช่วงหลังมานี้เปิดจอแล้วไม่เจอผู้ประกาศข่าวสาว จึงตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น?? จิตดีหายไปไหน?? หลังจากขอคิวของผู้ประกาศข่าวคนเก่งมาปีกว่า ในที่สุด รายการ ต้มยำอมรินทร์ ก็ได้คิวมานั่งคุยกันสักที พร้อมกับเคลียร์คำถามเรื่องที่หลายคนคาใจสงสัยว่า จิตดี หายไปไหน นาทีนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าตัวขอพูดบ้าง 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "เจมส์ เรืองศักดิ์" หลงลูกหนัก เบรกงานในวงการเป็นปี ทุ่มเวลาให้ลูกหมด
- "หมวย สุภาภรณ์" นางร้ายสายโหด เผยวินาทีถีบซุปเปอร์สตาร์ "อั้ม พัชราภา"
- "เอ๋ เชิญยิ้ม" เล่าชีวิตวันที่เคยไม่มีเงิน ไม่มีงาน พร้อมเคลียร์ประเด็นดราม่าหากินกับผี
- "หมอช้าง ทศพร" เปิดดวง 12 ราศี ครึ่งปีหลัง 2563
- "หญิง ธิติกานต์" ยอมรับสวยเพราะเข็มหมอ เก็บเงินเตรียมทำหน้าใหม่!

ถาม ช่วงหนึ่งที่หายไปจากหน้าจอตอนนั้น โกรธอะไรกันหรือเปล่า??

จิตดี : ตอนนี้เจี๊ยบไม่ได้หายไปไหนนะคะ รายการทุบโต๊ะข่าวยังมี แต่เพราะว่าเรามีข่าวเย็นมาผสมรวมกับทุบโต๊ะข่าว เลยมีปรับเปลี่ยนผังแล้วก็ปรับเวลา จากที่รายการมาหลังข่าวพระราชสำนักใช่ไหมคะ เราก็ขยายเวลาให้ยาวขึ้น ทุบโต๊ะข่าวเริ่มมา เวลา 18.50 น. เสริมทัพ พี่โจ๊กและน้องฝ้าย ช่วงแรกประมาณทุ่มนึงก็จะมี เจี๊ยบ มีพี่พุทธ พี่โจ๊ก ส่วนช่วงทุบโต๊ะข่าวช่วงที่สอง จะเป็นน้องฝ้าย คนจะชินเจอเรากับพี่พุทธตอนสองทุ่มครึ่ง ตอนนี้แค่เราย้ายทีมมาอยู่ช่วงแรก เหมือนว่าบางคนยังไม่รู้เวลา หาไม่เจอ ไม่ได้เปิดมาตอนหนึ่งทุ่มเลยไม่ได้เจอเรา ไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย

จิตดี : อีกอย่างเพราะป่วย ร่างกายเราคงฟ้องเพราะทำงานหนักมากมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำงาน 7 วันเต็มๆ ตั้งแต่บ่ายสามโมง จนถึงตีสามทุกวัน แต่ตอนนี้ปรับเวลาใหม่แล้วค่ะ ทำงานอยู่ในออฟฟิศ 12 ชั่วโมงโดยประมาณ แต่พอเราปรับเวลาใหม่ พี่พุทธเขาให้เรามีวันหยุด 1 วัน 


ถาม ทำงานข่าวมากี่ปีแล้ว

จิตดี : คู่กับคุณพุทธที่เก่า 2 ปี มาที่นี่ตั้งแต่เปิดอมรินทร์ทีวี 5 ปี ย่าง 6  ปี


ถาม ก่อนมาอ่านข่าว เห็นว่าเราต้องฝึกออกเสียง ร.เรือ ล.ลิง คำควบกล้ำ มีเทคนิคฝึกอย่างไร

จิตดี : เทคนิคการฝึกของเจี๊ยบตั้งแต่เด็กๆ หน้าเสาธงก็จะพูดภาษาไทยวันละคำ พอมหาวิทยาลัยก็จัดเสียงตามสาย ทุกๆ เที่ยง จะได้ยินเสียงจิตดีอ่านข่าวมหาวิทยาลัย ก่อนจะจบก็ไปสอบใบผู้ประกาศที่กรมประชาสัมพันธ์ และเจี๊ยบฝึกงานก่อนจบไปจัดรายการเป็นดีเจในวัด แล้วพระอาจารย์ท่านหนึ่งก็ให้แบบฝึกอ่านออกเสียงมา แล้วท่านก็สอน เราใช้มาทุกวันนี้ ทำให้เรามีพลังในการใช้เสียงด้วย ทำให้การออกเสียงของเราชัด ที่ท่านสอนคือ เขาควาย เขากวาง ถามว่าทำไมท่านสอนสองคำนี้ เพราะการที่เราพูดชัดหรือไม่ชัดคือ การที่เราเปิดปาก ถ้าเราเปิดปากคำจะชัด และคำว่าเขาควาย เขากวาง จะบริหารกรามของเราให้แข็งแรง เราจะพูดชัด

ถาม มีคำที่เรากลัวอ่านผิดไหม

จิตดี : มีค่ะ ที่รู้สึกว่ายากมากคือชื่อพระบรมวงศานุวงศ์ ยากมาก เราต้องฝึกพูดให้เข้าปาก แล้วก็คำว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวลาเราพูดชัดๆ เราจะได้ยินเสียงตัวเอง


ถาม เราเป็นคนพูดเก่งไหม

จิตดี : ถ้าเป็นเพื่อนๆ ด้วยกันจะรู้ว่าพูดเก่งมาก


ถาม แต่ในสายตาทั่วไป คุณจิตดีพูดไม่ทันคุณพุทธเลย มีอึดอัดไหม

จิตดี : ถ้าย้อนกลับตอนนั่งอ่านคู่กันแรกๆ อึดอัดมาก ต้องทำตัวยังไง เพราะว่าการทำงานเป็นทีม ต้องเรียนรู้กันพอสมควร กว่าจะมาเป็นคู่หูกันได้ แรกๆ เราก็อึดอัดนิดนึง จากที่เราอ่านข่าวจะมีแบ่งข่าว แบ่งวรรค แบ่งเรื่อง แบ่งประเด็นกันพูด พอเรามานั่งคู่กับคุณพุทธ เขาจะเป็นนักเล่าข่าว ความรู้ที่อยู่ในหัวเขาพรั่งพรูออกมา เราไม่มีจังหวะแทรก ด้วยความที่เขารู้มาก รู้เยอะ แล้วก็พูดเยอะ


ถาม เคยบอกเขาไหม พี่ๆ แบ่งให้หนูพูดบ้าง

จิตดี : ด้วยเป็นสัญชาตญาณด้วยค่ะ เราให้เกียรติเขา ในเมื่อเขาอยากพูดก็ให้เขาพูดไป เราเสริมตรงไหนได้ เราก็เสริม ปรากฎว่าเขากลายเป็นตัวหลัก เราก็เป็นตัวเสริม

จิตดี : ต้องย้อนกลับช่วงแรก ก็จะมีคุยกัน แบบตรงนี้จะให้เจี๊ยบนะ พอมาวันหนึ่งด้วยความรน ด้วยความรีบ ข่าวมันเตรียมไม่ทันสุดท้ายพี่เขาก็ต้องรวบสรุปให้เอง มันเลยกลายเป็นธรรมชาติของเรา บางทีมันอาจจะยังไม่ทันเขา ยังช้าอะไรอย่างนี้ เขาก็คงเรียนรู้เราเหมือนกัน ก็ช่วยกันให้รายการมันไปได้ แต่สิ่งสำคัญคือเนื้อหารายการ ทำยังไงให้คนดูรู้ข่าวสาร ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แล้วมันตอบโจทย์ให้คนรู้ในสถานการณ์นั้นๆ นี่คือสิ่งที่เจี๊ยบมอง มันเลยกลายเป็นว่าเราทำงานมาเป็นแบบนี้ ถามว่าแบ่งไหม ไม่ได้มีการแบ่งที่ชัดเจน เราต้องหาจังหวะเอาเอง

ถาม เคยโกรธคุณพุทธ หรือ โมโหบ้างไหม

จิตดี : มีค่ะ อารมณ์รู้สึกโกรธ แต่โกรธเราก็เกิดการเรียนรู้ บางมุกเล่นแรง หูจะร้อนผ่าวๆ มันคือปฏิกิริยาทางร่างกาย โกรธอยู่ในใจ พอหลังจบรายการก็อภัยกัน กลายเป็นการเรียนรู้ไปอีกว่า เขาเป็นคนแบบนี้ แซวแบบนี้ ซึ่งเขาก็ไม่คิดอะไร จบก็คือจบ


ถาม เห็นทำงานเข้าขากันแบบนี้ แต่มีวันหนึ่งเราเดินไปลาออกเองเลยจริงไหม เพราะอะไร

จิตดี : จริงค่ะ อันนี้จริงเลย เพราะเมื่อก่อนเคยจัดข่าวดึก อันนั้นเราเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่พอมาอยู่อมรินทร์ทีวี เรากลายมาเป็นลูกน้อง มาอยู่ในทีม เราจะเห็นบทบาทของคุณพุทธเป็นอีกแบบ เคี่ยวหนัก จริงจัง มุ่งมั่น งานทุกอย่างต้องเป๊ะๆ อันไหนไม่ใช่ ต้องไปเปลี่ยน ซึ่งเราต้องปรับเปลี่ยนให้ทันความคิดของเขา ทำให้เราเกิดความกดด้นมาก เครียดมาก ไม่ไหวแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้วก็เครียด เราคิดตอนนั้นคงทำไม่ได้แล้วมั้ง ไม่เหมาะกับเราแล้ว อึดอัด โดนกดดันทุกอย่าง สารพัดทั้งด่า ทั้งดุ เราเลยคิดว่าไปดีกว่า


ถาม หน้าจอกับหลังจอ พุทธเขาเป็นเหมือนกันไหม

จิตดี : พี่เขามีหลายบทบาทมาก อย่างหน้าจอก็คือผู้ดำเนินรายการ เราจะเห็นเขาเล่าข่าว แต่เบื้องหลังเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างของรายการทุบโต๊ะข่าว เขาจะคุมหมดเลย ภาพนี้ ประเด็นนี้ สคริปต์นี้ ตัดต่อแบบนี้ ทุกอย่าง เราก็ต้องคอยจับประเด็นให้ทันเขา หาจังหวะแทรก คอยเสริมตรงไหนที่เสริมได้

ถาม มีอะไรอยากบอกคุณพุทธบ้างไหม สิ่งที่เราอยากพูดแต่ไม่กล้าพูด

จิตดี : ห่วงสุขภาพพี่เขา มันเป็นความรู้สึกลึกๆ เพราะเราอยู่ด้วยกันมานาน อยากให้พี่เขาดูแลสุขภาพให้มากกว่านี้ มากกว่าที่จะห่วงงาน บางทีงานมันไปของมันได้ พี่เขาทำงานหนักมาก เราดูจากร่างกายของเราเอง เพราะร่างกายมันฟ้อง บางทีเขาป่วย แต่เขาก็ยังมาทำงาน แล้วเขาแสดงว่าเขาไม่ป่วย เป็นสิ่งที่เราห่วงเขามาก อยากให้พี่รักษาสุขภาพ จะได้อยู่กับน้องไปนานๆ ด่าน้อยๆ อะไรอย่างนี้ รักพี่มากนะ


ถาม อ่านข่าวเยอะขนาดนี้ เอาเวลาไหนไปเจอคนรู้ใจ

จิตดี : เราก็ดูแลกัน เขาไม่ได้อยู่ในวงการข่าว เป็นคนนอก เขาไม่ได้บ่นหรือพูดถึงเรื่องเวลา เจอกันเวลาเช้ามาส่ง กลางคืนก็มารับดูแลกันตลอดที่คบกันเป็นแฟน ย่างเข้า 3 ปีแล้ว เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม


ถาม มีแพลนจะแต่งงานกันหรือยัง

จิตดี : ยังไม่ได้คุยเลย ทำแต่งานในช่วงนี้


ถาม เห็นทำงานเยอะแบบนี้ แต่เรียกว่าเป็นสายบุญอีกคนเลย

จิตดี : ชอบเข้าวัด เมื่อก่อนจะมีเวลาช่วงก่อนเข้างาน ก็จะไปทำบุญเข้าวัด ไปวัดใกล้บ้าน ไปวัดไร่ขิงบ้าง วัดระฆังบ้าง ได้นั่งสวดมนต์ให้เราสบายใจ

ซึ่งงานนี้ ผู้ประกาศสาวคนเก่ง จิตดี ยังฝากทิ้งท้ายไว้อีกด้วยว่า ขอขอบพระคุณทุกคนที่ดูทุบโต๊ะข่า อมรินทร์ ทีวี เอชดี ช่อง 34 มาโดยตลอด กว่าจะมาเป็น ทุบโต๊ะข่าว เราผ่านอะไรกันมาเยอะ ทั้งคุณพุทธเอง ซึ่งเป็นแม่ทัพที่ดี พี่ชายที่ดี เขามีความมุ่งมั่นที่ทำให้เรามีวันนี้ มีทุบโต๊ะข่าวในวันนี้ อยากจะฝาก ทุบโต๊ะข่าว ขยายเวลาแล้วตั้งแต่ 18.50 น. และเสาร์-อาทิตย์ จะนั่งอ่านข่าวเที่ยง อมรินทร์ เวลา 11.00 - 12.00 น.