‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศยุติบทบาท ‘ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย’ เหตุพรรคจับมือ พปชร.-รทสช. จัดตั้งรัฐบาล ชี้อยู่ยากหากเป็นรัฐบาลก็จะเดินหน้าไปด้วยความลำบาก
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เปิดใจหลังแจ้งขอยุติบทบาทการทำงานกับพรรคเพื่อไทยทั้งหมดว่าได้บอกกล่าวกับผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว และได้แจ้งกับแกนนำแต่ละคนเป็นระยะ ไม่ได้รู้สึกว่ายกเอาอะไรออกจากอก เพราะเป็นวิถีทางที่ต้องตัดสินใจ เมื่อถึงเวลาของมัน เพียงแต่รอเวลาจะมาถึงเท่านั้นและเมื่อมาถึงวันนี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีก็ถึงเวลาที่จะต้องถอยออกมาและยุติบทบาทการทำงานกับพรรคเพื่อไทย
ส่วนที่ก่อนหน้ามีแต่คนตามหาตัว ที่เก็บตัวเงียบเพราะรอเวลาเหมาะสม นั่งดูด้วยหัวใจสงบ ขอยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจการตัดสินใจครั้งนี้ด้วยความรักพรรคเพื่อไทยเข้าใจเห็นใจทุกอย่าง แต่ตนเองไปด้วยกับสถานการณ์นี้ไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุง ที่ทำรัฐประหาร ทำใจและรับไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกับรัฐบาลนี้
ไม่สามารถที่จะเดินทางไปกับสูตรการตั้งรัฐบาลแบบนี้ ด้วยความเข้าใจทุกคน เพียงแต่ทุกคนต้องเข้าใจตนเองเหมือนกันว่านี่คือสิ่งที่ได้ยืนยันมาตลอดชีวิตทางการเมืองไม่ว่าจะถูกมองด้วยสายตาแบบไหน ณัฐวุฒิก็ยังคงเป็นณัฐวุฒิแบบนี้มาตลอด
พร้อมส่งกำลังใจให้นายเศรษฐาและทุกคนในพรรคขับเคลื่อนรัฐบาลแก้ปัญหาของประเทศทำในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชนให้ได้ส่วนประชาชนจะมีบทสรุปให้พรรคเพื่อไทยอย่างไรเป็นเรื่องอนาคตที่ต้องรอดู ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนี้ไม่ว่าจะถูกหรือผิดอย่างไรก็ตามจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า ไม่ได้มีความรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่เคยทุ่มเทและช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงตลอดการเลือกตั้ง เพราะได้ทำอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อเหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้แล้ว แต่ละคนก็ต้องตัดสินใจตามจุดยืนของตัวเอง
ส่วนการตัดสินใจยุติบทบาทเดินออกจากพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ ได้แจ้งให้นายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์เรียบร้อย ซึ่งนายทักษิณก็เข้าใจถึงการตัดสินใจและไม่อยากให้เกิดวินาทีแบบนี้ แต่ก็บอกไปกับทุกคนว่า “ผมไปด้วยไม่ได้จริงๆและขอส่งแค่ตรงนี้ ” รวมถึงผู้ใหญ่และแกนนำพรรคทุกคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจถอนตัวครั้งนี้
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยครั้งนี้จะเดินหน้าไปด้วยความยากลำบากและจะถูกตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมหลักการอย่างหนักหน่วง ซึ่งคนของพรรคเพื่อไทยเองก็ทราบดีและยังคงต้องสู้ต่อเพราะตัดสินใจไปแล้ว ส่วนอนาคตพรรคเพื่อไทยจะสูญพันธุ์หรือไม่นั้น ก็ไม่ขอทำนายคาดเดาขอให้รอดูคำตอบจากประชาชนจะดีกว่า เพราะคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ประชาชนพรรคเพื่อไทยต้องพิสูจน์ตัวเองต้องแสดงผลงานแสดงรูปธรรมของสิ่งที่ประกาศว่าจะเข้าไปทำให้ปรากฏชัดและที่เหลือก็เป็นเรื่องของประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ คิดว่าเรื่องการกลับบ้านของนายทักษิณเป็นคนละเรื่องกับการตั้งรัฐบาลเพราะแผนกลับบ้านมีมาก่อนหน้านี้แล้ว การประกาศว่าจะกลับภายในปีนี้ก็เกิดขึ้นก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง ในการที่นายทักษิณประกาศจะถึงประเทศไทยพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า ไม่ต้องรอให้โหวตนายกรัฐมนตรีจบหรือตั้งรัฐบาลเสร็จ ก็ชัดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนายทักษิณตัดสินใจแล้วจะกลับมา และคิดว่าการที่ทักษิณกลับมานั้นไม่ใช่ตัวประกันทางการเมืองแต่อย่างใด หากตัดสินใจจะกลับก็ต้องกลับและพร้อมเผชิญกับทุกอย่าง
สำหรับนายเศรษฐานั้น ตนเองยังรักและเคารพและขอส่งกำลังใจให้ ยังเชื่อในเจตนาดีที่จะทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชนและเชื่อว่านายเศรษฐาจะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ไม่มีเกมพลิกแน่นอน จากข่าวบอกว่าชื่อนายเศรษฐาอยู่ในระยะปลอดภัยแล้วพรุ่งนี้ หากนายเศรษฐาผ่านการโหวตได้เป็นนายกรัฐมนตรีตนเอง ก็จะขอนั่งดูข่าวอยู่ที่บ้าน แต่หากเกิดอุบัติเหตุการเมืองอะไรให้ไปไม่ถึงตรงนั้น จะขอไปหานายเศรษฐา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามจะไปอยู่ข้างๆแน่นอน
ส่วนอนาคตจะกลับเข้ามาทำงานช่วยพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องอนาคต เชื่อว่าในพรรคมีคนที่มีศักยภาพอยู่หลายคนคงทำหน้าที่ต่อได้ ตนเองขอส่งเพียงเท่านี้ ยืนยันไม่ใช่การละครอย่างที่หลายคนคิด เพราะณัฐวุฒิก็เจอแบบนี้มาตลอดชีวิตทางการเมือง
นายณัฐวุฒิยังกล่าวทิ้งท้ายว่าหากวันพรุ่งนี้ 9 โมงเช้า เท้านายทักษิณแตะถึงพื้นประเทศไทย ประโยคแรกที่อยากจะบอกกับนายทักษิณคือ “ขอยินดีต้อนรับท่านกลับบ้านยังคงรักและเคารพในตัวท่านอยู่เสมอ หัวใจไม่เคยเป็นอื่น แต่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ ดังนั้นขอให้ท่านปลอดภัยได้ประสบกับทุกสิ่งที่ตั้งใจหวังไว้ได้ทำหน้าที่คุณปู่คุณตาไปส่งไปรับหลานที่โรงเรียนอย่างที่ได้พูดให้ได้ยินหลายครั้งขอต้อนรับกลับบ้านอดีตนายกรัฐมนตรี“.
Advertisement