กรณีการย้ายตัว เพนกวิน พริษฐ์ หรือ นาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ไม่ใช่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงถึงกรณีที่มีการย้ายสถานที่ควบคุม นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำราษฎร ว่า เป็นการเคลื่อนย้ายจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปกักขังตามคำสั่งศาลอาญาที่สั่งลงโทษกักขัง นายพริษฐ์ ฐานละเมิดศาล เป็นเวลา 15 วัน ที่สถานกักขังกลาง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมผู้ต้องขังที่มีอัตราโทษเบากว่าการควบคุมในเรือนจำทั่วไป โดยไม่ได้ส่งตัวไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ตามที่มีกระแสข่าวออกมาแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ ยังได้ประสานส่งข้อมูลเรื่องสุขภาพของนายพริษฐ์ ที่อยู่ระหว่างการอดอาหารประท้วง ให้ผู้ดูแลควบคุมสถานกักขัง รวมถึง เจ้าหน้าที่พยาบาล ติดตามดูแลเรื่องสุขภาพผู้ต้องขังตามมาตรฐาน เช่นเดียวกับผู้รับโทษรายอื่น
ศาลไม่ให้ประกันตัว "อานนท์-เพนกวิน" และพวก คดี ม.112 , ม.116 ชุมนุมสนามหลวง
ทั้งนี้ กรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และคณะจากกระทรวงยุติธรรม เข้าเยี่ยมจำเลยแกนนำกลุ่มราษฎรที่ถูกควบคุมตัวชั่วคราวในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อเยี่ยมเยียนและสอบถามความต้องการระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำฯ ซึ่งได้พบกับแกนนำเพียง 3 คน ส่วนอีก 4 คน ถูกเบิกตัวไปขึ้นศาลตามนัดไต่สวนคดี อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เป็นสิทธิในการขอเข้าเยี่ยมจำเลยตามปกติ ตามหลักเกณฑ์ที่กรมราชทัณฑ์กำหนด ส่วนการเข้าเยี่ยมในครั้งถัดไปนั้น ยังไม่พบว่ามีการติดต่อนัดหมาย
อย่างไรก็ตาม เรื่องการขออนุญาตเข้าเยี่ยมของญาติผู้ต้องขังทั่วไปในช่วงที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยืนยันว่า อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ เพียงแต่เป็นการเข้าเยี่ยมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนท์ เพื่อลดการสัมผัสและเผชิญหน้า ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ส่วนที่จะมีการพิจารณาอนุญาตให้เยี่ยมผ่านระบบไลน์หรือไม่ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาออกข้อกำหนดให้เหมาะสมรัดกุม
ภาพจาก AFP
Advertisement