วันที่ 2 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน ที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในตลาดสดเทศบาลตำบลหนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ต่างจับกลุ่มพูดคุย หลังจากทราบว่าจะมีการปรับหลักเกณฑ์ผู้ลงทะเบียนรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ปี 2565 เพราะจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนและครอบครัวของผู้ลงทะเบียนด้วย
โดยหากผู้ลงทะเบียนและครอบครัวมีรายได้รวมกันเกิน 200,000 บาทต่อปี จะถือว่าคุณสมบัติไม่เข้าหลักเกณฑ์ อาจจะถูกตัดสิทธิไม่ได้รับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนดังกล่าว ซึ่งพ่อค้าแม่ค้า และประชาชน ต่างไม่เห็นด้วยกับการปรับหลักเกณฑ์ใหม่ เพราะไม่สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน ที่ข้าวของปรับขึ้นราคาแทบทุกอย่าง แต่กลับจะตัดสิทธิลดลง ทั้งที่โครงการสวัสดิการแห่งรัฐถึงแม้จะได้เดือนละ 200 บาท แต่ก็สามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยได้ แต่หลักเกณฑ์ใหม่กลับไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง จึงอยากให้รัฐได้พิจารณาทบทวนการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าวใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
นายณรงค์ บุพผามาลา อายุ 58 ปี ซึ่งมีอาชีพทำนา บอกว่า ในครอบครัวมีตนและลูกชายที่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนภรรยาไม่ได้ แต่ก็สามารถช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวแต่ละเดือนได้ แต่หากรัฐจะปรับหลักเกณฑ์การรับสิทธิหรือตัดสิทธิคนใดคนหนึ่งออก ก็ต้องกระทบแน่นอน เพราะภาวะปัจจุบันนี้หาเงินยากลำบาก แต่ข้าวของกลับแพงขึ้นทุกอย่าง จึงอยากให้รัฐได้ทบทวน จริงแล้วควรจะเพิ่มวงเงินให้ประชาชนมากกว่าที่จะตัดสิทธิ์ออก
ด้านนางสมนึก บุพาผามาลา อายุ 57 ปี ภรรยา บอกว่า ตนเองไม่ได้เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะช่วงที่รัฐเปิดให้ลงทะเบียนมีเงินในบัญชี 200,000 บาท แต่หลังจากนั้นก็ต้องเอาเงินดังกล่าวไปใช้หนี้สินหมดแล้ว ก็อาศัยรายได้จากการขายกล้วยปิ้งเพื่อเลี้ยงชีพและครอบครัว ไม่ได้มีเงินเหลือเก็บ แต่ทุกวันนี้ก็ขายของยากลำบากกว่าเดิม แถมรัฐยังจะมาปรับหลักเกณฑ์การรับสิทธิบัตรคนจนอีกซึ่งปกติสามีและลูกชายได้ก็ยังสามารถแบ่งเบาะภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ แต่หากจะตัดสิทธิคนใดคนหนึ่งออก ก็ต้องกระทบแน่นอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คลังเตรียมใช้ AI คัดบัตรคนจนรอบใหม่ เข้มงวดขึ้นกันคน "จนไม่จริง"
- ปิดฉาก ครม.นัดสุดท้ายปี2564 ไร้เงาแพคเกจรถEV และ บัตรคนจนรอบใหม่
- คลังสรุป ยอดใช้จ่ายสะสม บัตรคนจน คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ ปี 64 รวมทั้งสิ้น 254,281.7 ล้านบาท
Advertisement