"ทนายตั้ม" แฉอีก "ชูวิทย์" ไม่ได้รับเงินจาก "สารวัตรซัว" แค่ 6 ล้าน โดยมี "กล่องดวงใจ" เป็นตัวกลางคอยดำเนินการ ย้ำชัดไม่ได้แฉเพราะมีใบสั่งจากใคร หรือเป็นเกมการเมือง
เมื่อเวลา 11.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังโพสต์ภาพเงินสดก้อนใหญ่บรรจุอยู่ในถุงพร้อมข้อความ "แฉไป ไถไป" ก่อนที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะออกมาโพสต์ยอมรับว่า รับเงินจากลูกน้องสารวัตรซัวจริง แต่ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว และได้นำเงินทั้งหมดไปบริจาคให้การกุศล
ทนายตั้ม เผยว่า นายชูวิทย์คงรู้มาบ้างว่าตนมีหลักฐานอะไรบ้าง เลยออกมายอมรับตรงๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นบอกมาเสมอว่าไม่มีการเรียกรับเงินจากใครทั้งนั้น และ "กล่องดวงใจ" ของนายชูวิทย์ สนิมสนมกับพวกที่ทำเว็บออนไลน์ แล้วเรียกให้ไปพบที่โรงแรม วันนั้นมีการมอบเงินจำนวน 10 ล้าน ไม่ใช่ 6 ล้านตามที่เป็นข่าว ข้อมูลนี้ไม่ได้เอามาจากเว็บพนัน ตนไม่คบค้าคนพวกนี้
นายชูวิทย์พูดไม่หมด เรื่องนี้เริ่มจาก "กล่องดวงใจ" นำเจ้าของเว็บพนัน ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของเว็บพนัน ไปพบกับนายชูวิทย์ที่โรงแรมเดวิส พร้อมกับนำถุงเงิน 2 ถุง จำนวน 10 ล้านบาทไปด้วย แก๊งพวกนี้เกี่ยวข้องกับอาบอบนวด ต่อมามีอาบอบนวดชื่อ "ลาลิซ่า" ได้ทดลองเปิดบริการเพียงไม่กี่ห้อง แต่เพียงแค่วันแรกก็มีผู้ไปชี้เป้าให้ตำรวจตามไปจับกุม โดยชี้เป้าได้ถูกหมดทุกห้อง ทั้งๆ ที่มีเป็นร้อยห้อง ซึ่งคนชี้เป้านั้นเป็นลูกน้องเก่าของใครนั้น ขอให้ไปคิดเอาเอง
หลังกรณีอาบอบนวด "ลาลิซ่า" ก็มีการจองเวร "สารวัตรซัว" มาอย่างต่อเนื่อง มีการเรียกรับเงินมาอยู่เรื่อยๆ จนจ่ายไม่ไหว เพราะเรียกแบบไม่มีการหยุด นายชูวิทย์เป็นคนที่น่าเชื่อถือในสายตาประชาชน การที่ตนออกมาพูดวันนี้ก็คิดว่าคนก็จะยังเชื่อนายชูวิทย์อยู่ดี แต่ตนก็จะพูดเพราะไม่อยากให้มีคนทำแบบนี้ การแฉเป็นสิ่งที่ดี แต่การแฉที่มีการเรียกรับเงินนั้นเป็นสิ่งไม่ดี
ตนอยากถามนายชูวิทย์ว่ารู้จัก "นายแทนไท" ดีใช่หรือไม่ และเคยมีลูกน้องคนสนิทพานายแทนไทไปหานายชูวิทย์ที่โรงแรมเดวิสด้วยหรือเปล่า คนในวงการพนันออนไลน์รู้ดีว่านายแทนไทคือใคร นายชูวิทย์เคยโพสต์ถึงแทนไทเมื่อวันที่ 21 ม.ค.66 หลังจากนั้นก็ไม่มีการพูดถึงแทนไทอีกเลย ตนเลยอยากถามว่า เมื่อช่วงวันตรุษจีนที่ผ่านมา "กล่องดวงใจ" ได้พานายแทนไทไปพบนายชูวิทย์ที่โรงแรมจริงหรือไม่ แล้วหลังจากพบกันนายชูวิทย์ก็ไม่มีการเอ่ยถึงนายแทนไทอีกเลย เพราะมีการจ่ายเงิน 50 ล้าน แบบระบบดิจิทัลผ่านบัญชี "กล่องดวงใจ" ของนายชูวิทย์นั่นเอง
ตอนฝากถามนายชูวิทย์ว่า วันที่มีการรับเงินสารวัตรซัว มีตัวแทนเว็บพนันไปด้วยรึเปล่า เงินบริจาคที่อ้างว่ามาจากพวกนี้ ซึ่งไทม์ไลน์มันไม่ใช่ เพราะรับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ใครจะดองเงินแล้วมาจ่าย 3 ล้าน 3 ล้าน ตนพูดถึงเงิน 50 ล้านที่มีการจ่ายโดยสกุลเงินดิจิทัล ว่าใครนะที่โอนเงินเข้าไปในบัญชีของกล่องดวงใจ
ตนยืนยันว่าเงินที่บริจาคไม่ใช่เงินสารวัตรซัว อย่าลืมว่าคนที่พูดความจริง ต้องพูดกี่ครั้งต้องเหมือนกัน ตนเตรียมใจไว้แล้วว่า หลังจากวันนี้จะโดนอะไร แต่ตนทนให้สังคมเห็นโรบินฮู้ดจอมปลอมไม่ไหว การที่ออกมาพูดวันนี้เพราะผิดหวังในตัวนายชูวิทย์
ทนายตั้ม บอกอีกว่าตนพูดเสมอว่า 3 คนที่ชาตินี้จะไม่ทะเลาะด้วยคือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เพราะถ้าเล่นแล้วเล่นไม่เลิก อย่าหาเรื่องใส่ตัว แต่วันนี้ทนไม่ไหวจริงๆ จึงต้องออกมา การที่ออกมาแฉในขณะที่ตัวเองยังทำธุรกิจอยู่แล้วต้องออกมาแฉเรื่องเสียส่วยให้ตำรวจอันนี้ตนนับถือ แต่การออกมาแฉในตอนที่เลิกทำธุรกิจแล้ว ไม่มีผลประโยชน์ตรงนี้แล้ว เป็นการแฉเพื่อตนเองมากกว่า
การออกมาแฉตรงนี้ไม่เกี่ยวกับกับเกมการเมือง ตนขอประกาศตรงนี้วันนี้ว่าจะไม่ขอสมัครรับเลือกตั้งใดๆ ทั้งสิ้น แต่การที่นายชูวิทย์ออกมาแฉพรรคภูมิใจไทยนั้นเกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน และตนมีข้อมูลเรื่องรถไฟฟ้า ตนยินดีให้ข้อมูลกับนายชูวิทย์หรือจะร่วมกันแฉก็ได้
ทนายตั้ม กล่าวทิ้งท้ายว่า คนที่เอาเงินมาให้นายชูวิทย์ เกี่ยวข้องกับคดีกับบ่อนที่มีการยิงกัน ขอให้นักข่าวไปตามเอาเอง นายชูวิทย์พูดมาเสมอว่าตนไม่รับเงิน แต่ถ้าตนไม่เปิด สังคมก็จะไม่รู้ว่าสารวัตรซัวมีการติดต่อกับนายชูวิทย์จริง ตนไม่อยากท้าให้นายชูวิทย์ไปสาบาน เพราะคนอย่างนายชูวิทย์สามารถพูดอะไรก็ได้ คนคนนี้ถ้าไม่จวนตัวเจียนตายมีหลักฐานก็ไม่ยอมรับ ขอย้ำว่านายชูวิทย์ได้รับเงินจากสารวัตรซัว 10 ล้าน และเครือข่ายเพิ่มอีกทีละ 10 ล้าน เท่าที่ทราบมี 2 ครั้งอย่างต่ำ ส่วน "กล่องดวงใจ" ที่ดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้นายชูวิทย์นั้น ไม่ขอบอกว่าใคร แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หรือคนใกล้ชิด ตนเองก็เป็นพ่อคนหนึ่งที่รักลูก ก็ให้ไปคิดเอาเอง
Advertisement