แม่ค้าเครียด อ้างตำรวจสระแก้ว ไถเงินหมื่น ตัดสินใจปีนเสาส่งสัญญาณวิทยุสูงเกือบ 30 เมตรประชดชีวิต ด้าน ผกก.เมืองสระแก้ว พร้อมให้ความเป็นธรรม
วันที่ 10 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ประจำ ภายในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สระแก้วว่า มีบุคคลภายนอกปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนเสาส่งสัญญาณสูงหลายสิบเมตร ก่อนตำรวจจะประสานทุกภาคส่วน ทั้งกู้ภัยสว่างสระแก้ว เทศบาลเมืองสระแก้ว ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และตำรวจเมืองสระแก้ว
ในช่วงแรกที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่า ผู้ที่ปีนเสาส่งสัญญาณเป็นหญิงชื่อ ไพเราะ ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่คืนเงิน 10,000 บาท โดยชาวบ้านในละแวกนั้นบอกว่า หญิงคนนี้มีอาชีพส่งเนื้อไก่ เนื้อหมูสด ได้ถูกตำรวจในจ.สระแก้วโรงพักหนึ่ง เรียกเก็บเงินไป 10,000 บาท ลักษณะเหมือนถูกหลอกให้จ่ายเงิน ก่อนที่หญิงคนนี้จะได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่งในจังหวัด คาดว่าจะพูดคุยกันจนรู้เรื่อง จนกระทั่งหญิงคนนี้เปลี่ยนใจแจ้งลงมาว่า ยินดีที่จะปีนลงจากเสาส่งสัญญาณแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ได้ให้นั่งอยู่ด้านบนก่อน เพราะกำลังประสานรถกระเช้าจากบริษัทเอกชน
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้นำเข็มขัดพร้อมอุปกรณ์เซฟตี้ ไปสวมใส่ เพื่อป้องกันหญิงคนนี้ตกลงมาด้านล่าง ก่อนที่รถเครนขนาดใหญ่ จะให้เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้า นำกระเช้าขึ้นไปรับตัวหญิงคนนี้ลงมายังด้านล่าง รวมแล้วหญิงคนนี้ นั่งตากแดดอยู่บนเสาส่งสัญญาณนานกว่า 4 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันหลังจากช่วยเหลือนางไพเราะลงมาได้แล้ว พบว่ามีอาการอ่อนเพลีย ปากซีด หน้าซีด เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วรักษาตัวแล้ว โดยในขณะที่แพทย์กำลังนำตัวนางไพเราะ ไปขึ้นรถกู้ชีพนั้น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงมูลเหตุจูงใจ นางไพเราะพูดเพียงสั้นๆ ว่า ที่ตัดสินใจก่อเหตุนั้น เพราะน้อยใจโดนตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งรีดไถ
ล่าสุดทีมข่าวได้เข้าพูดคุยกับ พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำอางค์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสระแก้ว กล่าวว่า หญิงคนที่ก่อเหตุ คือนางสุดารักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เป็นชาวฉะเชิงเทรา เบื้องต้นตำรวจยังไม่รู้ถึงมูลเหตุจูงใจ
ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่า ตำรวจเมืองสระแก้วไปเรียกเก็บเงิน 10,000 บาทจากหญิงคนนี้ จนเป็นเหตุให้ตัดสินใจปีนเสาส่งสัญญาณวิทยุสูงเกือบ 30 เมตรนั้น ขณะนี้จะเร่งตรวจสอบประเด็นนี้เร่งด่วน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่า ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำตามที่หญิงคนนี้อ้างถึง จะมีความผิดทางวินัยและอาญา โดยจะเร่งสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งในขณะนี้นางสุดารักษ์ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว
Advertisement