ระบบเริ่มส่ง SMS ยืนยันสิทธิ 'คนละครึ่ง' เผยลงทะเบียนแล้วเกือบ 6 ล้านสิทธิ

"คนละครึ่ง" เริ่มส่งข้อความยืนยันสิทธิให้ประชาชนแล้ว โดยขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไปแล้วเกือบ 6 ล้านสิทธิ คงเหลือ 4,048,180 สิทธิ

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นับเป็นวันที่ 4 ของการลงทะเบียนในโครงการ คนละครึ่ง มีประชาชนลงทะเบียนแล้วเกือบ 6 ล้านสิทธิ ล่าสุดเหลือสิทธิคงเหลือ 4,048,180 สิทธิ โดยขณะนี้ระบบเริ่มทยอยส่งข้อความยืนยันการได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการให้กับประชาชนแล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศบศ.เคาะอนุมัติ 5.1 หมื่นล้าน! ให้ผู้ถือบัตรคนจน และโครงการ 'คนละครึ่ง'
- "คนละครึ่ง" แจกเงิน 3,000 บาท 15 ล้านคน ลงทะเบียนอย่างไร ใช้อะไรได้บ้าง วันนี้มีคำตอบ
- โครงการ "คนละครึ่ง" เปิดลงทะเบียนแล้ว รับเงินช่วยใช้จ่ายจากรัฐวันละ 150 บาท
- เปิดขั้นตอนลงทะเบียนร้านค้า "คนละครึ่ง" เริ่มแล้ววันนี้
- วิธีลงทะเบียนรับเงิน 3,000 บาท ผ่านคนละครึ่ง

ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 63 ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลมีเป้าหมายให้ 10 ล้านคน เงื่อนไขของประชาชนที่สามารถร่วมลงทะเบียนได้จะต้องมีสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งได้รับสิทธิจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประชาชนที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลา 06.00–23.00 น. จนกว่าจะครบ 10 ล้านคน

สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้วจะเริ่มใช้จ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค. 63 ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. โดยต้องเริ่มใช้จ่ายภายใน 14 วันนับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับ SMS แจ้งรับสิทธิ หรือวันที่เปิดให้เริ่มใช้จ่ายตามโครงการ มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิและไม่สามารถลงทะเบียนได้อีก

วิธีการใช้จ่ายกับร้านค้า สามารถเติมเงินโดยการโอนเงินของไปยังแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องโอนครั้งเดียว 3,000 บาท เช่น หากต้องการจ่ายค่าอาหาร 200 บาท ต้องมีเงินในเป๋าตัง อย่างน้อย 100 บาท เพื่อสแกนจ่ายเงินกับร้านค้าถุงเงิน โดยรัฐจะช่วยจ่ายให้ร้านค้าอีก 100 บาท หรือหากจะใช้จ่ายค่าสินค้าจำนวน 400 บาท รัฐจะร่วมจ่ายให้ร้านค้า 150 บาท และต้องมีเงินในเป๋าตัง เพื่อสแกนจ่ายเงินอีกอย่างน้อย 250 บาท ทั้งนี้ ภาครัฐจะร่วมจ่ายไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ ในส่วนของร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ ขณะนี้มีจำนวนกว่า 3 แสนร้านค้าแล้ว