"ทรัมป์" ประกาศยอมถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นแล้ว หลังสภาคองเกรสรับรอง "ไบเดน" เป็น ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่ เกิดเหตุจากจลาจลนองเลือดในอาคารรัฐสภา
7 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ที่ประชุมร่วมสภาคองเกรสซึ่งประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาและส.ส.ของสหรัฐฯ ซึ่งกลับเข้าประชุมกันใหม่ หลังถูกกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปยับยั้งการลงมติ ได้ลงมติรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แก่นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต วัย 78 ปี อย่างเป็นทางการแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ดินแดนเสรีภาพวุ่น! กลุ่มหนุน "ทรัมป์" ปะทะ ตร.บุกเข้าสภาสหรัฐ ดับแล้ว 1
- กลุ่มหนุน "ทรัมป์" เดินขบวนใหญ่กลางกรุงวอชิงตัน เรียกร้องให้อยู่ต่ออีก 4 ปี
- ชุมนุมใหญ่หนุน 'โดนัลด์ ทรัมป์' ฟ้องทุจริตเลือกตั้งสหรัฐฯ
ที่ประชุมซึ่งมีรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ เป็นประธานได้ลงมติรับรองให้ไบเดน ชนะทรัมป์ ด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 306 เสียงต่อ 232 เสียง ส่งผลให้นับจากนี้ เหลือเพียงการทำพิธีสาบานตนวันที่ 20 ม.ค. เพียงขั้นตอนเดียว ไบเดนก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนใหม่อย่างเป็นทางการ
การลงมติครั้งนี้เกิดขึ้นหลังสหรัฐฯเผชิญเหตุวุ่นวายทางการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 รายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
หลังทราบผลการลงมติร่วมของ 2 สภา ล่าสุดวันนี้(8 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกแถลงการณ์ ประณามการใช้ความรุนแรงเหตุจลาลที่ผ่านมา และผู้ใดที่ฝ่าฝืนกฎหมายจะต้องได้รับโทษ โดยเข้าใจถึงอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของประชาชนจากผลการเลือกตั้งแต่ทุกอย่างต้องกลับสู่ความสงบเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยคาดหวังว่าสหรัฐฯ ต้องปฏิรูปกฎหมายการเลือกตั้งเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ลงคะแนนทุกคน และสร้างความเชื่อมั่นในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไปในอนาคต ทั้งนี้ได้ยอมรับว่าการบริหารประเทศของตนได้สิ้นสุดลง และจะยอมถ่ายโอนอำนาจการบริหารประเทศให้แก่ไบเดนอย่างราบรื่นแม้จะไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งก็ตาม
ท่าทีที่อ่อนลงของทรัมป์ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เขาอาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในช่วง 14 วันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง
ทั้งนี้นายโจ ไบเดน ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนางกมลา แฮร์ริส ผู้ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดี จะเข้ารับตำแหน่งโดยวาระการดำรงตำแหน่งของแต่ละคนจะเริ่มในวันที่ 20 มกราคม นี้และจะมีการบันทึกการลงมติร่วมวันนี้ในวารสารของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) January 8, 2021
Advertisement