"ประชาชนเดือดร้อนเราต้องช่วย" แรงบันดาลใจผู้ว่าฯ ปทุม ต้นตำรับไม่รับเงินเดือนช่วยวิกฤตโควิด-19 (คลิป)

เมื่อวันที่ 9 ก.ค.64 รายงานข่าวจากที่ประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกล โดย ศบค. ชุดเล็ก ได้เสนอแผนมาตรการเข้มข้นในการควบคุมการระบาดของโควิด-19

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศในที่ประชุมว่า จะขอไม่รับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการแก้สถานการณ์โควิด-19 โดยอัตราเงินเดือนของนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่งต่อเดือน 50,000 บาท เป็นเงิน 125,590 บาท ทั้ง 3 เดือนรวมเป็นเงิน 376,770 บาท

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพิจารณามาตรการ ล็อกดาวน์ 14 วัน ตั้งเป้าลดจำนวนผู้ป่วยให้ได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ และจะต้องสกัดกั้นการเดินทางตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64 เป็นต้นไป โดยขอให้ ศบค.กลับไปทบทวนแผนทั้งหมด ว่าปรับเปลี่ยนอย่างไรให้ทันสถานการณ์

 

ส่วนคณะรัฐมนตรี ของรัฐบาลไทยที่ออกมาประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน มีดังต่อไปนี้

• พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายรับรวมเดือนละ 119,920 บาท

• นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท

• นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท

• นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท

• นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี​เอส) รายรับรวมเดือนละ 115,740 บาท

ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊กของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี ได้โพสข้อความว่า นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้สละเงินเดือน 3 เดือน ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีที่ลำบากช่วงโควิด-19

โดยมีข้อความระบุว่า “ช่วยกันสู้ภัยโควิด ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี หน่วยงานสังกัดกระทรวง พม.จังหวัดปทุมธานี (OneHome) ศูนย์ประชาบดี 1300 ร่วมช่วยเหลือชาวจังหวัดปทุมธานี ที่ประสบปัญหาจากโควิด-19 โทร.สายด่วน 1300 จังหวัดปทุมธานี”

โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี ได้มีสายด่วน 1300 ร่วมช่วยเหลือชาวจังหวัดปทุมธานี ที่ประสบปัญหาจากโควิด-19 ตลอด 24 ชั่วโมง รับเรื่องร้องทุกข์ เช่น รายได้ไม่พอเพียง เรร่อนขอทาน เรื่องที่อยู่อาศัย ว่างงาน ค่าเช่าบ้าน และการกักตัว ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้สละเงินเดือน 3 เดือน เดือนละ 72,000 บาท เพื่อสมทบช่วยเหลือประชาชนชาวปทุมธานี ยามยากลำบากช่วงสถานการณ์โควิด-19

นายชัยวัฒน์ ได้พูดคุยหารือกับนางรัชนี วชิรภูชัย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของสนง.พมจ.ปทุมธานี กรณีการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยหลังจากที่โพสต์เบอร์สายด่วน 1300 มีประชาชนร้องขอความช่วยเหลือ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วยเรื่องกันตัว 2 ราย ค่าเช่าบ้าน 2 ราย และว่างงาน 2 ราย

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนก็ไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ในยามนี้เราต้องช่วยกันสมัย ที่ตนรับราชการใหม่ ๆ นายอำเภอท่านแรกได้สอนตนว่า “เงินเดือนเรามาจากไหน มาจากหลวงใช่หรือไม่ หลวงเอามาจากไหน เอามาจากประชาชนใช่หรือไม่ ทีประชาชนเดือดร้อน ไม่คืนประชาชนบางล่ะ” ตนจึงกลับมาคิดได้ว่าเงินที่เราเอามาใช้คือเงินพี่น้องประชาชนจ้างเราทำงาน เมื่อนายจ้างเราเดือดร้อน ก็ต้องช่วยเหลือนายจ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ขอให้น้อง ๆ เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง ให้ใช้จ่ายตามสมควร ช่วยเหลือประชาชนเท่าที่ทำได้ ลงแรง ลงกำลัง ลงความสามารถใส่เข้าไปเลย โอกาสนี้เป็นโอกาสที่เราจะได้บุญ เพราะว่าคนกำลังทุกข์ เมื่อเราเข้าไปช่วยให้พ้นทุกข์ เราก็จะได้บุญไปด้วย

หากประชาชนโทรสายด่วนมาขอความช่วยเหลือ ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เนื่องจากเตียงภายในโรงพยาบาล ประกอบด้วย รพ.ปทุมธานี และรพ.ธัญบุรี จะเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีแดง ส่วนโรงพยาบาลอื่นในจังหวัดหวัด จะเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีส้ม โดยกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่มีอาการ เราจะพยายามทำแบบ Home Isolation ในส่วนนี้ขาดเหลืออะไร เราต้องเข้าไปช่วย เช่น ยาและอาหาร 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัคซีนที่จะฉีดให้ชาวปทุมธานี มี 2 แบบ คือ วัคซีนที่ได้จากกระทรวงสาธารณสุขส่งมา ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม และวัคซีนทางเลือกที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ขออนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมโรค โดยได้อนุมัติให้ทุกอปท.ที่ขอได้จองวัคซีนผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือกให้ประชาชนให้เร็วที่สุด