พนักงานเฮ! "สุกี้ตี๋น้อย" แบรนด์สุกี้เจ้าดัง ใจป้ำแจกโบนัสพนักงานแบบจัดเต็ม 2.5 เท่าของเงินเดือน รวมโบนัสไตรมาส พร้อมซองเงินขวัญถุงอีกคนละ 5,000 บาท รวมงบกว่า 110 ล้านบาท
บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร “สุกี้ตี๋น้อย” ภายใต้การนำของ คุณนัทธมน พิศาลกิจวนิช ประธานกรรมการบริหาร เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2566 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 5,244 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% และมีกำไรสุทธิ 913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
เพื่อเป็นการขอบคุณพนักงานทุกคน ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ มุ่งมั่นทำงานจนบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ บริษัทจึงได้มอบโบนัสพิเศษ 2.5 เท่าของเงินเดือน ให้แก่พนักงานทุกคน รวมจำนวนกว่า 2,300 คน พร้อมมอบเงินขวัญถุงปีใหม่ จำนวน 5,000 บาท ให้แก่พนักงานทุกคน รวมจำนวนกว่า 2,500 คน รวมมูลค่าโบนัสและเงินขวัญถุงทั้งสิ้น 90 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมโบนัสไตรมาส ที่ได้จ่ายไปแล้ว 24 ล้านบาท รวมเป็นเงินโบนัสทั้งสิ้นกว่า 110 ล้านบาท
คุณนัทธมน กล่าวว่า “พนักงานทุกคน เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จของสุกี้ตี๋น้อย บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหาร ผู้จัดการ พนักงานบริการ แม่บ้าน หรือพนักงานล้างจาน
การมอบโบนัสพิเศษและเงินขวัญถุงครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความขอบคุณจากใจจริงสำหรับความทุ่มเทของพนักงานทุกคน”
สุกี้ตี๋น้อย แบรนด์สุกี้เจ้าดังที่ครองใจคนไทย มุ่งมั่นขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 ที่ผ่านมา เปิดเพิ่ม 12 สาขา มุ่งสู่ตลาดต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี สุพรรณบุรี สระบุรี และนครราชสีมา กลยุทธ์นี้ส่งผลดีต่อผลประกอบการอย่างเห็นได้ชัด สำหรับผลประกอบการปี 2566 ของสุกี้ตี๋น้อย เติบโตอย่างโดดเด่น ดังนี้
ปัจจัยหลัก ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของ สุกี้ตี๋น้อย ประกอบด้วย
เดินหน้าขยายสาขาใหม่ๆ
เปิดตัวแบรนด์ใหม่
นอกจากนี้ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ได้รับกำไรจากการถือหุ้น 30% ในสุกี้ตี๋น้อย คิดเป็นเงิน 274 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึง ศักยภาพ ของสุกี้ตี๋น้อย ในฐานะธุรกิจที่ เติบโต อย่าง มั่นคง หากคิดเป็นตัวเลข 100% หมายความว่า สุกี้ตี๋น้อย มีกำไรปี 2566 อยู่ที่ 913 ล้านบาท ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึง ประสิทธิภาพ ของ กลยุทธ์ และ การบริหารจัดการ ของสุกี้ตี๋น้อย
ผลประกอบการย้อนหลัง 5 ปี ของสุกี้ตี๋น้อย
ปัจจุบัน มีร้านสุกี้ตี๋น้อย 57 สาขา และในปี 2567 มีแผนขยายสาขาไปต่างจังหวัดมากขึ้น เน้นภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น และ อุดรธานี แสดงให้เห็นถึง แผนการขยายธุรกิจ