กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่า ปิดดีลเข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges Group) จากตระกูลเวสตันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หลังประกาศลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2564 โดยการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลก ครอบคลุม 8 ประเทศในทวีปยุโรป และแฟลกชิปสโตร์บนทำเลที่ดีที่สุดของเมืองต่างๆในยุโรปด้วย
นับเป็นการเดินหน้าตามความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจห้างสรรพสินค้าไปยังยุโรปสำหรับกลุ่มเซ็นทรัล โดยได้เริ่มเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในยุโรปคือ รีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี ตั้งแต่ปี 2554 ด้วยเงินลงทุนราว 260 ล้านยูโร หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันรีนาเชนเต มีสาขารวม9 สาขาใน 8 เมือง
หลังจากกลุ่มเซ็นทรัลยังได้เข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่งมีทั้งในประเทศเดนมาร์ก ,เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการร่วมลงทุนกับพันธมิตรคือกลุ่มซิกน่า ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปนั่นเอง
สำหรับดีลล่าสุด กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่า ได้ร่วมกันลงทุนเข้าซื้อกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges Group) จากตระกูลเวสตันได้สำเร็จ ยิ่งถือเป็นการเพิ่มความแกร่งให้กับกลุ่มเซ็นทรัลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส (Selfridges) บนถนนออกซ์ฟอร์ดใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องมาเยือน
กลุ่มเซลฟริดเจส ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้ารวมทั้งหมด 18 แห่ง ภายใต้ 4 แบรนด์ ใน 3 ประเทศ ได้แก่
ห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส ในประเทศอังกฤษ
ห้างสรรพสินค้า บราวน์ โธมัส (Brown Thomas) และ อาร์นอตส์ (Arnotts) ในประเทศไอร์แลนด์
ห้างสรรพสินค้า ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ในประเทศเนเธอร์แลนด์
ขณะเดียวกันยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันโดดเด่น ซึ่งดึงดูดลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลได้กว่า 30 ล้านคนต่อเดือน และมีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ข้อมูลเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านนมา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เซ็นทรัลกรุ๊ปและซิกนากรุ๊ปมีแผนที่จะเพิ่มยอดขายของห้างสรรพสินค้าแฟลกชิพนี้เพิ่มเป็น 8,000 ล้านยูโรในปี 2024 และเพิ่มยอดขายทางออนไลน์อีกมากกว่า 1,000 ล้านยูโร จากปัจจุบันที่มียอดขายราว 5,000 ล้านยูโร โดยแหล่งข่าวคาดว่า ดีลนี้มีมูลค่า 4,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 180,000 ล้านบาท
การเข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจสล่าสุด เมื่อนำเข้ามารวมและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าในยุโรป ที่ปัจจุบันมีห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ทั้งหมดถึง 22 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย
ด้านสเตฟาโน่ เดลลา วาลเล่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ของเซ็นทรัลและซิกน่าในยุโรป บอกว่า จะขยายบทบาทและรับช่วงต่อการนำทัพกลุ่มเซลฟริดเจสจาก แอนน์ พิชเชอร์ กรรมการผู้จัดการของกลุ่มเซลฟริดเจส ซึ่งจะยังคงดำรงตำแหน่งในทีมบริหารของบริษัทจนถึงปลายปีนี้ เพื่อดูแลการถ่ายทอดและส่งต่อธุรกิจอย่างราบรื่นไปยังทีมบริหารใหม่ ขณะที่คุณทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล และ ดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มซิกน่า จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานร่วมของกลุ่มเซลฟริดเจส
ด้าน ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล และ ดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มซิกน่า ได้กล่าวร่วมกันว่า
"กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่า มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีการวางแผนการลงทุนทางธุรกิจในระยะยาว เรามีวิสัยทัศน์ที่จะพลิกโฉมและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับธุรกิจลักชัวรี่รีเทล และตั้งเป้าที่จะสร้างประสบการณ์แบบออมนิแชแนลระดับโลก ที่พร้อมให้บริการลูกค้าของเราทุกคนผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เรารู้สึกยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ทำงานร่วมกันกับทีมงานใหม่ และแบรนด์ต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายครั้งนี้ไปด้วยกัน"
ถือเป็นการต่อยอดและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำของกลุ่มห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกของกลุ่มธุรกิจเซ็นทรัลต่อไปในอนาคต และทำให้เห็นว่า ยุโรป ได้กลายเป็นตลาดหลักที่จะสร้างรายได้ให้กลุ่มเซ็นทรัลต่อไปในอนาคตเช่นกัน