Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ประเทศไทยคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย  ที่ BBB+ Fitch Ratings
โดย : อมรินทร์ทีวีออนไลน์

ประเทศไทยคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+ Fitch Ratings

10 ก.ค. 66
23:48 น.
|
279
แชร์

บริษัท Fitch Ratings (Fitch)ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. Fitch คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง 2.6% ในปี 2565 เป็น 3.7% ในปี 2566 และ 3.8% ในปี 2567 

โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และคาดว่าปี 2566 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 29 ล้านคน จาก 11.2 ล้านคน ในปี 2565 จากการบริโภคภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่องภายใต้มาตรการสนับสนุนต่าง ๆ และมีสัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP ลดลง 

อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้า คาดว่า จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์และเศรษฐกิจโลก และการใช้นโยบายการเงินแบบหดตัวของประเทศที่พัฒนาแล้ว (Advanced Economies)

    2. ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) Fitch คาดว่า การขาดดุลการคลังของไทยจะลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 4.4% ในปี 2565 เป็น 3.4% ในปี 2566 และคาดว่าปี 2567 จะขาดดุลที่ 3.2%  สะท้อนว่า รายได้ภาษีที่แข็งแกร่งขึ้นและการสิ้นสุดของมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

“ภายในปี 2567 คาดว่า สัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อ GDP (General Government Debt to GDP) จะเพิ่มขึ้นเป็น 55.9% แต่ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับ     ความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน (BBB Peers) และจะทยอยลดลงเนื่องจากมีการปรับภาวะทางการคลังให้เข้าสู่สมดุล (Fiscal Consolidation)” นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังคงสามารถระดมทุนในประเทศได้เป็นอย่างดีในทุกสถานการณ์ ส่งผลให้ หนี้สาธารณะคงค้างส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาทและมีอายุคงเหลือที่ค่อนข้างยาว จึงช่วยลดความเสี่ยงด้านการคลัง

    3. ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ยังคงแข็งแกร่งและยืดหยุ่น แม้ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการเงินโลกและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ 

โดย Fitch คาดว่า ปี 2566 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะกลับมาเกินดุล 2.0% ของ GDP และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในปี 2567 เพราะจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และสถานการณ์ราคาน้ำมันที่คลี่คลาย 

ปี 2566 คาดว่าประเทศไทยจะมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงมาก คือ 7.3 เดือน ขณะที่คาดว่า BBB Peers และ A Peers จะมีค่ากลางอยู่ที่ 4.2 เดือน

    4. ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Fitch ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของประเทศไทย คือ การลดลงของสัดส่วนหนี้ภาครัฐบาลต่อ GDP (General Government Debt to GDP) การลดการขาดดุลตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีศักยภาพในระยะปานกลาง 

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ Fitch มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ คือ การไม่สามารถรักษาเสถียรภาพทางการคลัง ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและส่งผลต่อการเติบโตหรือการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญต่อการปรับมุมมองในระยะปานกลาง (Medium-term growth outlook) คือ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่จะส่งผลต่อแผนการปรับภาวะทางการคลังให้เข้าสู่สมดุล (Fiscal Consolidation)

แชร์
ประเทศไทยคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย  ที่ BBB+ Fitch Ratings