HAVAL H6 เป็นรถกลุ่ม C-SUV ที่ครองเจ้าตลาดในเซกเมนต์ได้อย่างยาวนาน 6 เดือนติดเข้าให้แล้ว ต้องบอกว่าเป็นความไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับรถจากค่าย GWM คันนี้ (ชมคลิปรีวิวแบบเต็ม คลิก)
หลังจากได้ทดสอบจนพอจะทำความเข้าใจระบบ ลักษณะนิสัยของเจ้า HAVAL H6 ได้พอสมควรแล้ว จะขอมาเล่าแบบสั้นๆ สรุปแบบคร่าวๆ ให้ฟัง ทั้ง 9 จุดเด่น 7 จุดอยากให้ปรับ กันครับ
โดยรุ่นที่นำมาทดสอบ จะเป็น HAVAL H6 ULTRA ซึ่งก็คือตัวทอปออฟชัน สีน้ำเงิน Sawalovski Blue โดยมีราคาอยู่ที่ 1,249,000 บาท
• ช่วงล่างนุ่มนวล
สำหรับข้อเด่นแรก ต้องขออธิบายเพิ่มเติมว่า เจ้า HAVAL H6 เป็นรถที่ถูกเซ็ตช่วงล่างมาได้ดีในระดับหนึ่ง มันให้ความนุ่มนวลที่ดีมากในขณะที่ใช้ความเร็วปกติประมาณว่าช่วงความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของการได้ฟีลลิ่งการขับขี่แบบนุ่มนวลจากเจ้า H6
• ออฟชันแน่น
อย่างที่บอกตอนต้นว่าคันที่ทางเราได้มาทดสอบนั้นเป็นรุ่น ULTRA ซึ่งทอปสุดแล้ว ออฟชันที่ให้มาต้องบอกว่าแน่นจนล้นจริงๆ แต่ใช่ว่าในรุ่นรองลงไปอย่างรุ่น PRO จะออฟชันโล้น ต้องบอกว่าผิดถนัดเพราะจริงๆ แล้ว HAVAL H6 ทั้ง 2 รุ่นย่อยนั้นมีออฟชันที่แตกต่างกันไม่กี่อย่างเท่านั้น ข้อดีต้องบอกว่า GWM ให้อุปกรณ์และออฟชันต่างๆ มาดีมากๆ
• หลังคา sunroof
หลังคา Sunroof บานใหญ่โตด้านบน เพิ่มความโปร่ง หรูหรา แบบปฎิเสธไม่ได้ แม้บางครั้งช่วงอากาศร้อนของบ้านเมืองเราอาจส่งผลต่อความรู้สึกอยู่บ้างนิดหน่อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ที่สำคัญตัวม่านบังแดดของ Sunroof ใน HAVAL H6 ก็มีความทึบและหนามากพอที่ช่วยสะท้อนและป้องกันแสงที่ส่องลงมาได้เป็นอย่างดี
• การเก็บเสียงทำได้ดี
การเก็บเสียงเป็นอีกจุดที่ต้องขอชมเชยว่าทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว ในย่านความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. เราพบเสียงรบกวนที่เล็ดรอดเข้ามาในห้องโดยสารได้น้อยมาก แม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่โตย่อมมีพื้นที่รับแรงลมปะทะมากขึ้น แต่การเก็บเสียงภายในถือว่ายอดเยี่ยมเลย
• วัสดุภายใน ค่อนข้างดี
ภายในของ HAVAL H6 ขอยกให้เป็นอีกจุดเด่นแบบชัดเจนจับต้องได้ วัสดุภายในหลายจุดมีคุณภาพที่ดีสมราคา การเลือกใช้โทนสีตกแต่งต่างๆ ค่อนข้างลงตัว ส่วนงานประกอบก็ถือว่าทำออกมาได้ไม่ขี้เหร่เลยจริงๆ
• ไฟ Ambient Light ให้ความรู้สึกดียามกลางคืน
บรรยากาศภายในห้องโดยสาร HAVAL H6 ยามค่ำคืน ไฟ Ambient Light ที่ถูกดีไซน์วางไว้ในจุดต่างๆ ยามเรืองแสงมันสร้างบรรยากาศให้ผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง Ambient Light ตรงบริเวณคอนโซลหน้ามีแสงส่องออกมาเป็นลายกราฟิก ต้องบอกว่าเท่ไม่เบาเลยทีเดียว
•ไฟท้าย เด่น (ชอบเป็นการส่วนตัว)
ไฟท้ายของเจ้า HAVAL H6 ทำให้ผมนึกถึงรถล้ำอนาคตที่เราเห็นได้ในหนังยังไงยังงั้น กลางคืนแสงคมชัดแม้จะเป็นเพียงเส้นยาวๆ ขนาดไม่ได้หนามากมายอะไรนักก็ตาม แต่บางคนก็บอกว่าเขาไม่ชอบไฟท้ายแบบนี้เลย เรื่องแบบนี้เถียงกันไม่ได้เลยจริงๆ แล้วแต่คนชอบ
• ระบบกล้องต่างๆ คมชัด เห็นรายละเอียดได้ดีมาก
แทบจะเป็นเรื่องปกติสำหรับรถยนต์จากประเทศจีน สำหรับเรื่องคุณภาพของกล้องที่ดูจะเหนือกว่าคู่แข่งไปแล้ว เห็นได้จากรถหลายๆ รุ่นที่ราคาหลักแสน แต่กล้องกลับคมชัดแถมรายละเอียดดีกว่ารถราคาหลักล้านของคู่แข่งซะอีก
• ระบบ Adaptive Cruise Control
ต้องบอกว่าระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันของ HAVAL H6 ทำงานได้นุ่มนวล และสมูทใกล้เคียงกับมนุษย์ขับเอามากๆ ตั้งแต่ขณะวิ่งตามรถคันหน้า ชะลอความเร็ว จนถึงรถหยุด ระบบต่างๆ ทำงานได้แบบนิ่มนวลไม่มีจังหวะกระชากจนหัวโยกเกิดขึ้นหากเหตุการณ์นั้นๆ ไม่กะทันหันจริงๆ
• พวงมาลัยเบา
ถึงแม้ทาง GWM จะมีฟังก์ชันการปรับความหนืดพวงมาลัยมาให้ใน HAVAL H6 ถึง 3 ระดับแล้วก็ตาม แต่เราพบว่าแม้จะเป็นแบบหนืดสุดแล้ว ก็ยังรู้สึกว่ามันยังคงเบาไปหน่อยอยู่ดี แน่นอนมันอาจไม่ได้เป็นปัญหาหากเราขับรถช้าๆ ด้วยความเร็วไม่มากนัก แต่เมื่อใช้ความเร็วที่สูงขึ้นจะพบว่ามันดูเบาติดมือไปสักนิดเท่านั้นเอง
• ไม่ถึงขั้นประหยัดน้ำมัน
ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเมื่อใช้งานจริงทำได้ราว 15-15.5 กม./ลิตร อาจเป็นตัวเลขที่ก็ถือว่าโอเคสำหรับตัวรถขนาดใหญ่และเครื่องยนต์ที่ให้พละกำลังมหาศาลขนาดนี้ แต่ด้วยเทคโนโลยีของระบบไฮบริดที่มีไฟฟ้ามาเกี่ยวข้องแล้ว หากทำตัวเลขให้ประหยัดขึ้นไปอีกสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย แต่สำหรับผมถือว่าตัวเลขนาดนี้ก็โอเคในระดับหนึ่ง
• ช่วงล่างเน้นนุ่ม จนลืมความเฟิร์ม
ช่วงล่างนุ่ม เป็นข้อดีไปแล้วในตอนต้น แต่ในขณะความเร็วสูงเราพบว่ามันถูกเซ็ตมาให้เน้นนุ่นนวลจนขาดความเฟิร์มไปสักหน่อย ทำให้ยามที่ใช้ความเร็วสูง ตัวรถสะท้อนให้เห็นถึงอาการช่วงล่างยวบโยนเบาๆ อยู่บ้างเล็กน้อย แต่กลับไม่เป็นปัญหาเวลาเข้าโค้งเพราะตัวรถสามารถเกาะโค้งไปอย่างเนียนๆ ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้าปรับจูนให้ช่วงล่างเฟิร์มกว่านี้ในย่านความเร็วสูงขึ้น ฟิลลิ่งของช่วงล่างจะกลมกล่อมมากขึ้นอย่างแน่นอน
• ฝาท้ายไฟฟ้า แต่ไม่มี Kick Sensor
ฝาท้ายไฟฟ้า ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน HAVAL H6 ทั้ง 2 รุ่นย่อย ถือว่าให้มาดีเอาเรื่องอยู่แล้ว แต่หากเพิ่มระบบเตะเปิด (Hand Free) เข้าไปอีกนิดคงจะดีไม่น้อย เห็นลูกค้าหลายท่านควักสตางค์ให้ทางศูนย์ทำการติดตั้งเพิ่มให้ แต่ก็พบปัญหาความไม่เสถียรเท่าไหร่นักในการใช้งาน ดังนั้นคิดว่าหากทาง GWM จะเพิ่มมาให้จากโรงงานเสียเลยตั้งแต่ต้น น่าจะทำให้ระบบทำงานได้ดีกว่าแน่ๆ
• ความดังเสียงสัญญานไปเลี้ยว
อันนี้เป็นอีกเรื่องน่าสงสัย ระบบสัญญาณไฟเลี้ยวในเจ้า HAVAL H6 มีระดับความดังที่น่าประหลาดใจ คือมันดังกว่าเสียงสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยเสียด้วยซ้ำ แน่นอนแม้ตัวรถจะมีฟังก์ชันการปรับระดับเสียงของสัญญาณไฟเลี้ยวมาให้ แต่ถึงแม้จะปรับให้อยู่ในระดับเสียงเบาสุดแล้วก็แล้วตาม ก็ยังรู้สึกว่ามันดังไปหน่อยอยู่ดี
• สัญลักษณ์ไฟเตือนต่างๆ บนหน้าจอคนขับ มีขนาดเล็ก มองค่อนข้างลำบาก
ด้วยความที่ HAVAL H6 มีความเป็นรถยนต์ที่ถูกออกแบบให้เป็นประเภทไฮเทคโนโลยี หน้าจอต่างๆ เลยเป็นระบบดิจิตอลล้วนๆ สำหรับในส่วนของหน้าจอมาตรวัดของคนขับขนาด 10.25 นิ้ว ถือว่าไม่เล็กเกินไปก็จริง แต่การออกแบบสัญลักษณ์ ไฟเตือนต่างๆ ค่อนข้างเล็กไปสักนิด จนทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนนัก หรือต้องใช้การเพ่งมองพอสมควร ถ้าปรับตรงนี้ได้ทำให้เห็นชัดและง่ายขึ้น จะดีมากๆ สำหรับการใช้งาน
• ฟังก์ชันการปรับระบบปรับอากาศ ควบคุมที่หน้าจอกลางได้อย่างเดียว
เป็นอีกหนึ่งจุดจากปัญหาเรื่องไฮเทคโนโลยี ด้วยความที่เจ้า HAVAL H6 มีหลายจุดที่ต้องปรับแต่งผ่านหน้าจอกลางขนาดใหญ่ รวมถึงระบบปรับอากาศ เรากลับพบว่าแม้มันจะสวยงามล้ำสมัย แต่กลับใช้งานยากไปสักหน่อยในขณะขับขี่และต้องการปรับแอร์ ซึ่งถ้าใช้งานขณะรถจอดหรือช่วงก่อนเริ่มจะขับขี่ข้อนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดดี และจุดที่อยากขอให้ปรับ (ถ้าเป็นไปได้) เพียงบางส่วนเท่านั้นจากความรู้สึกที่ได้ทดลองขับ ฟีลลิ่งในการขับขี่ อุปกรณ์ทันสมัย หรือระบบต่างๆ ภายใน HAVAL H6 มีอยู่อีกมาก ความชอบหรือไม่ชอบเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ หากใครอยากรู้ว่าเจ้า HAVAL H6 คันนี้นั้น จะเป็นรถคันต่อไปสำหรับเราหรือไม่ ต้องไปทดลองขับด้วยตัวเอง สำหรับผมถือว่าเขาเป็นรถที่คุ้มค่าคุ้มราคา น่าใช้ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ