Lexus เปิดตัวครอสโอเวอร์ระดับหรูรุ่นหลัก The All-new Lexus RX450h+ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ครั้งแรกของเลกซัส RX ใหม่ในเจเนอเรชันที่ 5 ที่มาพร้อมทางเลือกขุมพลังการขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid :PHEV) ภายใต้เอกลักษณ์ “Lexus Driving Signature” ตอบสนองได้ดั่งใจและนุ่มนวล ต่อให้ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% (EV Mode) โครงสร้าง GA-K ให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง แข็งแกร่งขึ้น น้ำหนักเบาลง ตัวรถกว้างขึ้น และฐานล้อยาวขึ้น พร้อมเอกลักษณ์ใหม่ Spindle body กระจังหน้า Spindle Grille ดีไซน์ใหม่ ภายในห้องโดยสาร TAZUNA COCKPIT เพิ่มความเงียบ กว้างขวาง แฝงปรัชญา “โอโมเตะนาชิ” ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรสี่สูบแถวเรียง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 กิโลวัตต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า และหลัง ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า “E-FOUR” ช่วยประหยัดเชื้อเพลิง จ่ายกำลัง และกระจายแรงบิดที่ล้อ และมีระบบมาตรฐานความปลอดภัย LEXUS SAFETY SYSTEM PLUS (LSS+) ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอกซ์โป ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 1 -12 ธันวาคม 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไฮบริด นานถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
• รุ่น Luxury AWD 4,640,000 บาท
• รุ่น Premium AWD 5,090,000 บาท
Lexus RX รถครอสโอเวอร์หรูรุ่นสำคัญรุ่นหนึ่งของเลกซัส ได้รับความไว้วางใจทั่วโลก นับตั้งแต่การแนะนำ RX 300 เจเนอเรชันแรก ซึ่งบุกเบิกรถยนต์ลักชัวรีครอสโอเวอร์เป็นรายแรกของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2541 รวมทั้งการบุกเบิกเทคโนโลยีขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ด้วยการแนะนำ RX 400h รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี พ.ศ.2547 สำหรับประเทศไทย ได้เริ่มแนะนำเลกซัส RX 300 เจเนอเรชันที่ 2 เมื่อปี 2546 ด้วยการเป็นยนตรกรรมครอสโอเวอร์ระดับหรู การันตีถึงความนิยมใน 90 ประเทศทั่วโลก ด้วยยอดจำหน่ายสะสมที่มากกว่า 3.5 ล้านคัน
ดีไซน์ภายนอก เจเนอเรชันใหม่ของเลกซัส
• เลกซัส RX ใหม่ ฐานล้อที่ยาวขึ้น จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า และล้อคู่หลังที่เพิ่มขึ้น
ดีไซน์ภายใน แนวคิดแบบ TAZUNA
• ภายในห้องโดยสารของเลกซัส RX ใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิดแบบ TAZUNA ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงการบังคับควบคุม ซึ่งใช้ในบริบทของการขี่ม้า พร้อมแฝงปรัชญา “โอโมเตะนาชิ” ที่ใส่ใจในการออกแบบที่นึกถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก
• หน้าจอ Head up display แบบสี* (สำหรับเกรด Premium เท่านั้น)
• ระบบควบคุมพวงมาลัยแบบสัมผัส* (สำหรับเกรด Premium เท่านั้น) ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยของเลกซัส มีเซนเซอร์จับตำแหน่งของนิ้วมือ ซึ่งจะระบุได้ว่าผู้ขับวางนิ้วมืออยู่บนปุ่มใด และแสดงแผนผังของปุ่ม และตำแหน่งนิ้วมือบนหน้าจอ Head-up Display
• หน้าจอสัมผัสบริเวณคอนโซลกลางเชื่อม Apple CarPlay แบบไร้สาย
• หน้าจอแสดงผล TFT และมาตรวัด LCD
• แนวคิดในการออกแบบภายในห้องโดยสาร สร้างความรู้สึกโอ่โถง ออกแบบคอนโซลหน้าให้เป็นเส้นยาวตามแนวนอนเชื่อมตั้งแต่แผงหน้าปัดไปจนถึงประตูคู่หน้า เสริมความโปร่งโล่งด้วยหลังคาพาโนรามิกตั้งแต่หัวจรดท้าย (เฉพาะรุ่นที่ติดตั้ง) กลอนประตูไฟฟ้า E-Latch ยังช่วยลดความจำเป็นในการติดตั้งมือจับด้านบนของแผงประตู
• เบาะคู่หน้าโปร่งสบายยิ่งขึ้น ด้วยการขยายเสาคู่หน้า และขอบหน้าของหลังคาออก โครงสร้างตัวถัง GA-K เพิ่มระยะระหว่างเบาะคู่หน้า และคู่หลัง ทำให้ผู้โดยสารตอนหลังมีพื้นที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
• แสงสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ธีมสำหรับสร้างบรรยากาศภายในทั้งหมด 14 ธีม โดยแสงไฟจะเรืองออกจากบริเวณคอนโซล หน้าจอแสดงผลกลางคอนโซลเปลี่ยนสีได้อีกถึง 50 สี
• ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ กรอบประตูท้ายรถของเลกซัส RX ใหม่ มีความเพรียวบาง และมีขอบล่างที่อยู่ต่ำ พร้อมติดตั้งไฟ LED ทั้งหมด 3 ดวงที่ผนังซ้าย-ขวา ของห้องเก็บสัมภาระ และด้านในของฝาท้าย
• เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง
• กำลังสูงสุด 182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
• แรงบิดสูงสุด 227 นิวตัน-เมตร ที่ 3,200 – 3,700 รอบ/นาที
• มอเตอร์ไฟฟ้าชนิด Permanent Magnet Synchronous Motor
• มอเตอร์หน้า กำลังสูงสุด 134 กิโลวัตต์ / แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร
• มอเตอร์หลัง กำลังสูงสุด 40 กิโลวัตต์ / แรงบิดสูงสุด 121 นิวตัน-เมตร
• แบตเตอรี่ไฮบริดชนิดลิเธียมไอออน ขนาดแบตเตอรี่ 18.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง
• ระบบกันสะเทือน/โช้คอัพ ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ โช้คอัพแบบสวิงวาล์ว พร้อมระบบ AVS (Adaptive Variable Suspension) แบบโซลีนอยด์
• เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 227 กิโลวัตต์ (304 แรงม้า)
• ระบบปลั๊กอินไฮบริด ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ 85 กม./การชาร์จ (NEDC)
• อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 76.9 กิโลเมตร/ ลิตร
• ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า E-FOUR กระจายแรงบิดระหว่างล้อด้านหน้าและหลังที่ 100:00 หรือ 20:80
• เลกซัส RX ปลั๊กอินไฮบริด มีโหมดการขับให้เลือก 4 โหมด
1. EV (Electronic Vehicle) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน
2. EV/HEV แบบสลับอัตโนมัติ ระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ไฮบริด
3. HEV (Hybrid Electric Vehicle) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด
4. โหมดชาร์จแบตเตอรี่
• ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ LEXUS TEAMMATE ADVANCE PARK
• ระบบการเปิดประตูแบบบ SEA (Safe Exit Assist)
• กลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ E-LATCH
• ระบบป้องกันก่อนการชน Pre-collision Safety System
• ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ Adaptive High-beam System (AHS)
• ระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง Lane Tracing Assist (LTA)
• ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
• Sonic Quartz - Sonic Titanium
• Sonic Chrome - Sonic Iridium
• Graphite Black Glass Flake - Red Mica Crystal Shine
• Sonic Copper - Terrane Khaki Mica Metallic
• Deep Blue Mica
สีภายใน RX450h+ รุ่น Luxury AWD (Smooth leather)
– Hazel และ - Black
และรุ่น Premium AWD (Semi-Aniline leather)
– Dark Sepia และ - Black
รับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไฮบริด นานถึง 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ราคา (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
• รุ่น Luxury AWD 4,640,000 บาท
• รุ่น Premium AWD 5,090,000 บาท
ผู้ที่ซื้อรถยนต์เลกซัสทุกรุ่นจากผู้แทนจำหน่ายเลกซัสอย่างเป็นทางการ
• รับสิทธิ์เป็นสมาชิก Lexus Club รวมทั้งสิทธิพิเศษจาก Lexus Privilege ผ่าน Mobile Application “Lexus Elite Club”
• รับประกันคุณภาพรถยนต์และระบบไฮบริด 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริดของรถยนต์เลกซัสทุกรุ่น 10 ปีไม่จำกัดระยะทาง พร้อมการบริการจากเลกซัส เซอร์วิส คอร์เนอร์ ในศูนย์บริการโตโยต้าที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการด้วยมาตรฐานเลกซัส ทั้ง 15 แห่งทั่วประเทศ
Lexus Exclusive Package
โปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง มาพร้อมบริการ Lexus Concierge Service เลขาส่วนตัว และ การช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
• STANDARD ครอบคลุมค่าแรงตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (เริ่มต้น 50,000 บาท)
• PLUS ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (ยกเว้นอะไหล่เสื่อมสภาพ) (เริ่มต้น 100,000 บาท)
• PREMIUM ครอบคลุมการบำรุงรักษารถยนต์ทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่ตลอด 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมอะไหล่เสื่อมสภาพ (เริ่มต้น 130,000 บาท)
สัมผัส LEXUS RX450h+ PHEV ได้ในงาน ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอกซ์โป ครั้งที่ 39
1-12 ธันวาคม 2565 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และที่ผู้แทนจำหน่าย ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ