Mitsubishi ขอทวงตำแหน่งบัลลังก์แชมป์คืน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส) เตรียมส่งทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท ด้วยการสนับสนุนด้านเทคนิคจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สู้ศึกการแข่งขันแรลลี่ข้ามประเทศ เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2024 (เอเอ็กซ์ซีอาร์) เริ่มระเบิดความมันบนเส้นทางจากประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย ในเดือนสิงหาคมนี้ กลับมาทวงตำแหน่งบัลลังก์แชมป์คืน ด้วยรถกระบะไทรทัน รุ่น T1 (รถแข่งแบบครอสคันทรี รุ่นโปรโตไทพ์)
ในปีที่แล้ว ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท ได้เข้าร่วมแข่งขันรายการเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ ด้วยรถแข่งทั้งหมด 3 คัน ซึ่งได้รับการปรับแต่งจากรถกระบะออล-นิว ไทรทัน ที่เพิ่งเปิดตัว และสามารถคว้าอันดับ 3 ประเภทบุคคลมาครอง จาก ชยพล โยธา (นักแข่งจากประเทศไทย) พร้อมด้วยรางวัลชนะเลิศประเภททีม ซึ่งมอบให้แก่ทีมแข่งที่ส่งรถเข้าแข่งขันมากกว่า 2 คันขึ้นไปและสามารถจบการแข่งขันเข้าเส้นชัยได้ทั้งทีม ด้วยการทำเวลารวมจากผู้เข้าเส้นชัยสองอันดับแรกได้ดีที่สุด
ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท ใช้การควบคุมรถของออล-นิว ไทรทัน มาเป็นจุดแข็ง เพื่อชิงความได้เปรียบกับรถคู่แข่ง โดยในปีนี้ รถแข่งไทรทัน แรลลี่คาร์ ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ จะได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นในทุกด้าน พร้อมสมรรถนะด้านอัตราเร่ง และการควบคุมรถบนท้องถนนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อทำให้ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ท มีความพร้อมที่จะคว้าชัยชนะ
รถแข่งไทรทัน แรลลี่คาร์ ที่เข้าร่วมแข่งขันรายการเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2024 ได้รับการเผยโฉมใหม่ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 โดดเด่นดุดันด้วยการใช้สีแดงและเส้นสายสีดำที่เป็นสัญลักษณ์ถึง “ลาวา” หินภูเขาไฟที่อัดแน่นด้วยพลังงานอันทรงพลัง และในปีนี้รถแข่งจะยังคงใช้สีแดงอันทรงพลังเป็นสีหลัก เสริมด้วยกราฟิกที่สื่อถึงฝุ่นในการแข่งขันแรลลี่ที่ด้านหน้าและต่อเนื่องไปด้านข้าง ที่ด้านหลังประกอบด้วยกราฟิกสีเทา ที่แสดงถึงลาวาที่พุ่งออกมาและแข็งตัวเป็นหินภูเขาไฟ แสดงถึงโฉมใหม่ของรถแข่งไทรทัน แรลลี่คาร์
การแข่งขันเอเอ็กซ์ซีอาร์ (AXCR) เป็นการแข่งขันแรลลี่ข้ามประเทศรายการใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 29 ในปีนี้ โดยพิธีปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นวันเริ่มต้นการแข่งขันในปีนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 11 สิงหาคม ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทางภาคใต้ของประเทศไทย การแข่งขันจะเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 12 สิงหาคม โดยมุ่งหน้าไปทางใต้ของประเทศไทย ก่อนเข้าสู่ประเทศมาเลเซียในวันที่ 15 สิงหาคม และเข้าสู่เส้นชัยในวันที่ 17 สิงหาคมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เส้นทางการแข่งขันในปีนี้ครอบคลุมระยะทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร ซึ่งรวมเส้นทางของสเตจพิเศษกว่า 1,000 กิโลเมตร เส้นทางในปีนี้คาดว่าจะเต็มไปด้วยความสมบุกสมบันยิ่งกว่าที่เคยมีมา ด้วยความแตกต่างหลากหลายของสภาพพื้นที่ ทั้งเส้นทางบนเทือกเขา ป่าทึบ และการข้ามแม่น้ำ ซึ่งจะเป็นบททดสอบด้านสมรรถนะการควบคุมรถ และความแข็งแกร่งทนทานของตัวรถ รวมถึงการทำความเร็วที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินแพ้ชนะในการแข่งขัน