รถยนต์ ไม่ใช่แค่พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสะดวกสบายและการแสดงออกถึงตัวตนของเจ้าของอีกด้วย หลายคนมีความรักในรถยนต์ เพราะมันไม่เพียงแต่ช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเดินทาง แต่ยังเป็นสิ่งที่สามารถสร้างความสุขได้จากการขับขี่หรือการดูแลรักษา แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งรถที่รัก หายไป จะทำอย่างไรดี
การป้องกันรถยนต์หายสามารถทำได้หลายวิธี โดยแบ่งเป็นมาตรการทางกายภาพและเทคโนโลยี ดังนี้
มาตรการทางกายภาพ
ล็อกพวงมาลัย / ล็อกเบรก-คลัตช์ ใช้อุปกรณ์ล็อกเสริมช่วยชะลอการโจรกรรม
ติดตั้งล็อกเกียร์ ทำให้โจรเปลี่ยนเกียร์หรือขับออกไปได้ยากขึ้น
ใช้ล็อกล้อ เพิ่มความปลอดภัยโดยเฉพาะเมื่อจอดในที่เปลี่ยว
ใช้เทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรม
ติดตั้งสัญญาณกันขโมย – แจ้งเตือนเมื่อมีการงัดแงะหรือเคลื่อนย้ายรถ
ติดตั้ง GPS ติดตามรถ – สามารถระบุตำแหน่งรถได้แบบเรียลไทม์
ใช้ระบบ Immobilizer – ป้องกันการสตาร์ทรถโดยใช้กุญแจปลอม
พฤติกรรมการใช้รถอย่างปลอดภัย
ล็อกรถทุกครั้งที่ลงจากรถ – แม้ว่าจะจอดแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
อย่าทิ้งกุญแจสำรองไว้ในรถ – ลดโอกาสที่โจรจะใช้กุญแจในการขโมย
จอดในที่ปลอดภัย – เลือกจอดในที่มีกล้องวงจรปิด หรือมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า – ระวังการให้คนไม่รู้จักมายืมรถหรือทดลองขับ
ประกันภัยรถยนต์และการติดตามหลังการสูญหาย
ทำประกันรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครองกรณีรถถูกขโมย
แจ้งความทันทีเมื่อรถหาย แจ้งตำรวจและบริษัทประกันภัยเพื่อเริ่มกระบวนการติดตาม
การใช้มาตรการหลาย ๆ อย่างร่วมกันจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกขโมยได้อย่างมาก แต่หากใช้มาตรการแล้วก็ยังไม่ช่วยให้รถยนต์ของคุณหายไปอยู่ดี ให้รีบดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รถคืน
แจ้งความที่สถานีตำรวจทันที
ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจที่ใกล้จุดที่รถหายที่สุด เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น สำเนาทะเบียนรถ สำเนาบัตรประชาชน / ใบขับขี่ เอกสารประกันภัยรถยนต์ หลักฐานอื่น ๆ เช่น ภาพถ่ายรถ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ขอ "ใบแจ้งความรถหาย" เพื่อนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป
แจ้งบริษัทประกันภัย (ถ้ามีประกันภัยรถหาย)
ถ้าทำประกันภัยชั้น 1 หรือประกันที่คุ้มครองรถหาย ให้แจ้งบริษัทประกันภัยภายใน 24 ชั่วโมง บริษัทประกันจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเคลมประกันและเอกสารที่ต้องใช้
แจ้งกรมการขนส่งทางบก
นำใบแจ้งความไปแจ้งที่สำนักงานขนส่ง เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายใช้รถของคุณในการกระทำผิดกฎหมาย
แจ้ง GPS หรือศูนย์ติดตามรถ (ถ้ามีติด GPS)
ถ้ามีติดตั้ง GPS ให้ติดต่อบริษัทที่ดูแล GPS เพื่อติดตามตำแหน่งรถ
แจ้งข่าวและขอความช่วยเหลือจากสื่อหรือโซเชียลมีเดีย
โพสต์ข้อมูลรถที่หายบนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, กลุ่มแจ้งรถหาย ฯลฯ ระบุข้อมูลสำคัญ เช่น ทะเบียนรถ, รุ่น, สี, จุดที่หาย, เวลาที่หาย และ ช่องทางติดต่อ
ตรวจสอบตามอู่ซ่อมและตลาดรถมือสอง
ตรวจสอบอู่ซ่อมรถที่รับซื้ออะไหล่ รวมถึงตลาดรถมือสอง เพราะโจรอาจนำรถไปขายเป็นชิ้นส่วน ติดตามผลกับตำรวจและบริษัทประกัน และติดตามความคืบหน้าของคดีเป็นระยะ ถ้าผ่านไป 90 วันแล้วตำรวจยังหาไม่พบ บริษัทประกันอาจชดเชยตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
ลองทำตามวิธีดังกล่าว รวมไปถึงการแจ้งความเร็วที่สุดจะเพิ่มโอกาสในการได้รถคืนได้ไวที่สุด