เข้าหน้าฝนทีไรคนขับรถก็เป็นกังวลใจทุกที ถึงฝนจะตกหนักจนน้ำท่วมแต่เชื่อว่าหลายคนก็ยังมีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง แต่ขับฝ่าน้ำท่วมไปแล้วรถจะพังหรือไม่? สรุปแล้วควรจะขับต่อหรือถอยรถกลับดี? วันนี้มีคำตอบ ก่อนขับรถฝ่าน้ำท่วมออกไปจะได้ประเมินสถานการณ์ได้ว่ารถจะไปไหวไหม เพื่อลดโอกาสในการเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ไปดูกันเลย!
ระดับน้ำสูง 5-10 ซม. ขับผ่านได้ทุกคัน
สามารถขับผ่านได้ทุกคัน อย่าขับเร็ว ไม่ควรใช้ความเร็วสูงเพราะถนนลื่น มีผลทำให้สูญเสียการทรงตัว ไม่สามารถควบคุมรถได้ ควรมีสติ และสังเกตรถคันหน้าอยู่ตลอดเวลา
ระดับน้ำสูง 10-20 ซม. รถทุกประเภทยังขับผ่านไปได้
รถทุกประเภทสามารถขับผ่านไปได้ แต่ให้ระมัดระวัง เพราะมีโอกาสที่น้ำจะเข้าไปในตัวรถได้ เวลาขับอย่าตื่นเต้น ให้ใจเย็น ๆ และขับไปเรื่อย ๆ
ระดับน้ำสูง 20-40 ซม. รถอีโคคาร์ต้องระวัง
รถเล็กหรือรถอีโคคาร์ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะรถถูกออกแบบให้มีความสูงจากระดับพื้น 15-17 ซม. มีสิทธิ์ท่วมถึงท่อไอเสีย ส่งผลให้เกิดปัญหาท่อไอเสียจม แต่สามารถขับรถผ่านไปได้
ระดับน้ำสูง 40-60 ซม. รถซีดานและรถขนาดเล็กต้องเลี่ยง
รถอีโคคาร์หมดสิทธิ์ขับผ่าน รถกระบะยังพอผ่านไปได้ แนะนำให้ปิดแอร์ขณะขับ เพื่อป้องกันไม่ให้พัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ส่งผลทำให้รถดับได้ ควรขับให้ช้าลง ระวังคลื่นน้ำจากรถคันอื่น พยายามหลบเลี่ยงน้ำที่สูง เพราะอาจทำให้น้ำเข้าสู่เครื่องยนต์
ระดับน้ำสูง 60-80 ซม. อันตรายต่อรถทุกคัน
อันตรายต่อรถทุกคันไม่ควรขับฝ่าออกไปทั้งรถกระบะและรถยกสูงเอสยูวี เพราะส่งผลทำให้เครื่องยนต์ดับกลางทาง สร้างความเสียหายให้กับระบบต่าง ๆ ทางที่ดีไม่ขับฝ่าไปดีที่สุด
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ต้องทำหลังจากขับฝ่าน้ำท่วมมา นั่นก็คือตรวจเช็กระบบเบรก ว่ายังทำงานเป็นปกติหรือไม่ วิธีเช็กให้เหยียบเบรกย้ำ ๆ เพื่อไล่น้ำออก แค่นี้ก็สามารถขับต่อได้อย่างปลอดภัยแล้ว แต่ทางที่ดีที่สุดไม่ควรขับรถลุยน้ำเพราะนอกจากจะทำให้ระบบไฟฟ้าพัง รถยังอาจจะดับกลางทางได้โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและรถที่โหลดต่ำ เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่ต้องใช้สมาธิและคอยประคองรถยนต์เพื่อฝ่าน้ำท่วมไปได้อย่างสวัสดิภาพ เรียกได้ว่าการขับขี่หน้าฝนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การทำประกันรถยนต์และประกันอะไหล่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อความสบายใจ
ข้อมูล : กรุงศรี ออโต้