หาดใหญ่ ขึ้นแท่นรถติดหนักสุดในไทย ส่วนกรุงเทพฯ ไม่ติด 3 อันดับแรก!
กรุงเทพมหานคร คนไทยคิดว่านี่คือเมืองที่รถติด การจราจรแออัดอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งอยากบอกว่า "คุณคิดถูกแล้ว!!" แต่ถ้าจะบอกว่าจากข้อมูลล่าสุดบอกมันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว คุณจะเชื่อกันมั้ย?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้อมูลนี้เป็นการรวบรวมจาก TomTom Traffic Index ที่เก็บจากการใช้งานอุปกรณ์ GPS หลายล้านเครื่องใน 501 เมือง ของ 62 ประเทศ 6 ทวีปทั่วโลก เรียกได้ว่าฐานข้อมูลแน่นปั๊ก เป็นข้อมูลที่มีคุณภาพสูงและน่าเชื่อถือเอามากๆ ช่วงเวลาของการรวบรวมคือในปี 2024 วิเคราะห์และเผยแพร่ในปี 2025 ได้บ่งชี้ว่า กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทยมีอันดับเฉลี่ยการจราจรที่ดีขึ้นในอันดับโลก แม้...จะต้องใช้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยก็ตาม นั่นก็เท่ากับว่ามีเมืองอื่นที่แซงเราขึ้นไปนั่นเองในทางการจัดอันดับ แต่ไม่ใช่ปัญหาดีขึ้นนะ บอกก่อน
สำหรับในประเทศไทย เมืองที่ค่อนข้างมาแรงแซงทางโค้งก็คือ หาดใหญ่ ที่อันดับการจราจรที่แออัดพุ่งขึ้นมาอันดับ 1 ของไทย และอยู่ลำดับที่ 102 ของโลก ด้วยระยะเวลาการเดินทางเฉลี่ย 10 กม. ใช้เวลา 24.12 นาที เพิ่มขึ้น 20 วินาทีจากปีก่อนหน้า
5 อันดับเมืองรถติดที่สุดในไทย
- หาดใหญ่ เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 24.12 นาที (อันดับโลก 102)
- เชียงใหม่ เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 23.51 นาที (อันดับโลก 116)
- ขอนแก่น เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 22.19 นาที (อันดับโลก 145)
- กรุงเทพฯ เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 21.51 นาที (อันดับโลก 161)
- นครราชสีมา เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 20.57 นาที (อันดับโลก 184)
แต่อย่างไรก็ตามเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร กลับพบว่าผู้คนสูญเสียเวลาไปกับชั่วโมงเร่งด่วนมากเป็นอันดับแรกด้วยจำนวน 96 ชั่วโมง ในขณะที่เมืองหาดใหญ่อยู่ที่ 76 ชั่วโมงเท่านั้น นั่นแสดงว่าเวลาของการจราจรที่ติดขัดของเมืองหลวงจะอยู่ในช่วงของชั่วโมงรีบเร่งเป็นหลัก
ไม่ติดใน 10 อันดับแรกเอเชีย
ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดี จากข้อมูลของปี 2024 จะเห็นว่าไม่มีเมืองของไทยติดอันดับการจราจรติดขัดใน 10 อันดับแรกของทวีปเลย โดยอันดับ 1-3 ของเอเชียตกเป็นของ 3 เมืองจากอินเดีย คือ โกลกาตา ที่ใช้เวลาเฉลี่ยต่อ 10 กม. ที่ 34.33 นาที ตามมาด้วย เบงกาลูรู และ ปูเน่ ตามลำดับ ในขณะที่อันดับ 4 และ 5 เป็นของ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และ ดาเวา ของฟิลิปปินส์ โดยที่เมืองหาดใหญ่ของเรานั้นอยู่ในอันดับที่ 36 ของเอเชีย และตามมาด้วยเชียงใหม่อันดับที่ 37 ส่วนกรุงเทพมหานครการจราจรติดขัดอยู่ในอันดับ 48 ของเอเชีย
5 อันดับเมืองรถติดที่สุดในเอเชีย
- โกลกาตา อินเดีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 34.33 นาที (อันดับโลก 2)
- เบงกาลูรู อินเดีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 34.10 นาที (อันดับโลก 3)
- ปูเน่ อินเดีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 33.22 นาที (อันดับโลก 4)
- เกียวโต ญี่ปุ่น เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 33.16 นาที (อันดับโลก 6)
- ดาเวา ฟิลิปปินส์ เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 32.59 นาที (อันดับโลก 8)
เมืองรถติดสุดในโลก 2025 (รวบรวม 2024)
มาที่ลำดับโลกกันบ้าง จากข้อมูลที่ TomTom รวบรวมในปี 2024 พบว่าเมืองที่จราจรติดขัดมากที่สุดในโลกตกเป็นของเมืองบาร์รังกิย่า ประเทศโคลัมเบีย โดยมีระยะเวลาเดินทาง 10 กม.เฉลี่ยที่ 36.06 นาที ส่วนอันดับ 2-4 ตกเป็นของประเทศในภูมิภาคเดียวกับไทยอย่างอินเดียว คือ โกลกาตา เบงกาลูรู แล ปูเน่ และอันดับ 5 คือลอนดอน เมืองรถติดอันดับ 1 จากสหราชอาณาจักรที่ได้ตำแหน่งนี้ไป ด้วยเวลาเดินทาง 10 กม. เฉลี่ยน 33.17 นาที
10 ลำดับแรกของโลก
- บาร์รังกิย่า โคลัมเบีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 36.06 นาที (-0.20 นาที จากปี 2023)
- โกลกาตา อินเดีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 34.33 นาที (+0.10 นาที จากปี 2023)
- เบงกาลูรู อินเดีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 34.10 นาที (+0.50 นาที จากปี 2023)
- ปูเน่ อินเดีย เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 33.22 นาที (-1 นาที จากปี 2023)
- ลอนดอน สหราชอาณาจักร เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 33.17 นาที (+0.40 นาที จากปี 2023)
- เกียวโต ญี่ปุ่น เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 33.16 นาที (+0.20 นาที จากปี 2023)
- ลิมา เปรู เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 33.12 นาที (+1.30 นาที จากปี 2023)
- ดาเวา ฟิลิปปินส์ เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 32.59 นาที (-0.30 นาที จากปี 2023)
- ตรูฮิลโจ เปรู เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 32.56 นาที (+0.30 นาที จากปี 2023)
- ดับลิน ไอร์แลนด์ เดินทาง 10 กม. ใช้เวลาเฉลี่ย 32.45 นาที (+0.40 นาที จากปี 2023)
อย่างไรก็ตามการจัดอันดับจากข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด อาจไม่ได้เป็นการยืนยันได้ทั้ง 100% ถึงความแออัดยัดเยียดบนพื้นที่การจราจรของแต่ละเมือง เพราะมันยังมีปัจจัยโดยรวมอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อความความเคลื่อนของข้อมูลได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชั่วโมงเร่งด่วนของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันออกไป ลักษณะการใช้รถ ประเภทของรถ และรวมถึงกฎหมายการจราจรของแต่ละแห่งก็แตกต่างกัน แต่ในท้ายที่สุด เมืองที่ดีไม่ใช่เมืองที่รถน้อยที่สุด หรือการจราจรไม่ติดขัดเลย แต่เมืองที่ดีมันต้องเป็นเมืองที่ผู้คนสามารถเดินทางได้อย่างเท่าเทียม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ การเคลื่อนไหวจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทางนั่นเอง
