บริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความมุ่งมั่นครั้งสำคัญในการปฏิรูปและปรับโครงสร้างองค์กร โดยเน้นย้ำการยกระดับบริการหลังการขายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน และสร้างประสบการณ์ด้านบริการที่เป็นเลิศตามกลยุทธ์ Customer-Centric ที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
ล่าสุด NETA ได้เปิดตัว ศูนย์กระจายอะไหล่ (Spare Parts Distribution Center) แห่งใหม่ อย่างเป็นทางการ บนถนนเพชรเกษม ด้วยพื้นที่กว้างขวางกว่า 4,000 ตารางเมตร ศูนย์แห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการจัดเก็บและกระจายอะไหล่รถยนต์ไฟฟ้า NETA ไปยังผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยจะเริ่มเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในกลางเดือนพฤษภาคม 2568 และมอบหมายให้ บริษัท นครชัยศรี ออโตโมบิล จำกัด เป็นผู้บริหารจัดการอย่างเป็นทางการ ศูนย์ดังกล่าวมีศักยภาพในการจัดเก็บอะไหล่มากกว่า 120,000 ชิ้น เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าปัจจุบันกว่า 25,000 ราย และการเติบโตของฐานลูกค้าในอนาคต
มร. ซูน เปาหลง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "การเปิดคลังอะไหล่แห่งใหม่นี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับคุณภาพบริการหลังการขาย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว เราให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในด้านบริการหลังการขาย"
มร. ซูน เปาหลง ยังกล่าวเสริมถึงความต่อเนื่องจากการลงนาม MOU กับ Hong Kong Solar Technology Co., Ltd. มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า "ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้จะช่วยสนับสนุนห่วงโซ่อุปทาน และเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ NETA ในประเทศไทยและภูมิภาค ASEAN ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้ NETA สามารถจัดหาอะไหล่คุณภาพสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
นอกจากศูนย์กระจายอะไหล่แล้ว NETA ยังมีแผนที่จะจัดตั้ง ศูนย์ฝึกอบรม (Training Center) และ ศูนย์บริการทางเทคนิค (Technical Service Center) เพื่อพัฒนาบุคลากรและยกระดับความรู้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการหลังการขายของผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า NETA ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจในการสร้างมาตรฐานใหม่ของบริการหลังการขายในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างระบบบริการหลังการขายแบบครบวงจร
การเปิดศูนย์กระจายอะไหล่ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ NETA ในการยกระดับบริการหลังการขาย โดยเน้นการให้บริการที่รวดเร็ว ทันสมัย และตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย