Maserati ประเทศไทย เปิดตัว Maserati GranTurismo (มาเซราติ กรันทูริสโม) มาด้วยคอนเซปต์ ‘The Others Just Travel’ ต่อยอดความหลงใหลในยนตรกรรมอิตาเลียน นับตั้งแต่ Maserati A6 1500 ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1947 หรือ 77 ปีก่อน พร้อมส่งมอบภายในกลางปี 2024
*ราคารวม Warranty 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
** Battery warrnaty 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร
งานดีไซน์ของ GranTurismo ใช้เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 พร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซี ที่มีโลโก้ตรีศูล ติดตั้งอยู่อย่างโดดเด่น
ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมฟังก์ชั่นหลักของทัชสกรีนอเนกประสงค์, นาฬิกาดิจิทัลอัจฉริยะ (Dijital Smart Clock) และเฮด-อัพ ดิสเพลย์ (เป็นออปชั่น) นอกจากนี้ ยังมีระบบ ‘all-round sound experience’ เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Maserati รวมทั้งเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนาของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab ผ่านระบบเครื่องเสียง Maserati Sound Audio System และมีออปชั่นพิเศษกับสุดยอดเครื่องเสียงสัญชาติอิตาลี ‘Sonus Faber’ ลำโพง 12 ตำแหน่ง และ 19 ตำแหน่งให้เลือก
นำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้ เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุที่เบา และมีประสิทธิภาพขั้นสุด ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุด 0.002 วินาที มาพร้อมระบบ cyber-security ระดับ 5 และฟีเจอร์ flash-over-the-air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360 องศา
Modena คือชื่อเมืองมาจากชื่อเมืองสำคัญทางตอนเหนือในประเทศอิตาลี ซึ่งถือเป็นถิ่นกำเนิดของยานยนต์ระดับโลกมากมายโดยเฉพาะ Maserati GranTurismo Modena มีมิติตัวรถขนาด 2,113x4,959x1,353 มม. ความยาวฐานล้อ 2,929 มม. น้ำหนักตัวรถ 1,795 กก.
เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบ V6 Nettuno ขนาด 2,992 ซีซี. พละกำลัง 490 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 302 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.9 วินาที
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบดับเบิล-วิชโบน แกนพวงมาลัยแบบ Semi Virtual และสปริงถุงลมปรับความหนืดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติ-ลิงค์ เฟืองท้ายแบบกลไก และสปริงถุงลมปรับความหนืดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เบรกหน้าเป็นจานเบรกคู่แบบเจาะรูระบายความร้อน มากับคาลิเปอร์ Brembo 6 พอต เบรกหลังจานเบรกคู่แบบเจาะรูระบายความร้อน มากับคาลิเปอร์ Brembo 4 พอต
ล้อแมกซ์หน้าขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/30 ZR20 ล้อแมกซ์หลังขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยาง 295/30 ZR21
Trofeo มีความหมายถึงถ้วยรางวัลแห่งความสำเร็จ หรือ Trophy ในภาษาอังกฤษ สะท้อนถึงตัวรถรุ่นนี้ที่มี DNA ของการเป็นผู้คว้าชัยชนะได้เป็นอย่างดี
มิติตัวรถขนาด 2,113x4,966x1,353 มม. ความยาวฐานล้อ 2,929 มม. น้ำหนักตัวรถ 1,795 กก. เครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบ V6 Nettuno ขนาด 2,992 ซีซี. พละกำลัง 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 320 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.5 วินาที
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบดับเบิล-วิชโบน แกนพวงมาลัยแบบ Semi Virtual และสปริงถุงลมปรับความหนืดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติ-ลิงค์ เฟืองท้ายแบบกลไก และสปริงถุงลมปรับความหนืดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เบรกหน้าเป็นจานเบรกคู่แบบเจาะรูระบายความร้อน มากับคาลิเปอร์ Brembo 6 พอต เบรกหลังจานเบรกคู่แบบเจาะรูระบายความร้อน มากับคาลิเปอร์ Brembo 4 พอต
ล้อแมกซ์หน้าขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/30 ZR20 ล้อแมกซ์หลังขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยาง 295/30 ZR21
Folgore ที่แปลว่าสายฟ้า สื่อถึงรถรุ่นนี้ใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และถือเป็นรถกลุ่มแรกของ Maserati ที่เป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยเช่นกัน สำหรับ Folgore ทางแบรนด์ต้องการเปิดกลุ่มตลาดของลูกค้าหน้าใหม่ ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยีพลังงานสะอาด แม้ลูกค้าเดิมจะเป็นกลุ่มนักสะสม หรือกลุ่มผู้หลงใหลในรถยนต์สมรรถนะสูง ซึ่งทาง Maserati ประเทศไทยยังคงให้น้ำหนักไว้ในกลุ่มรถน้ำมันที่ 80% ส่วนในรุ่น Folgore ที่เป็นรถ Luxury EV นั้น ให้น้ำหนักไว้ 20% ของยอดขาย
มิติตัวรถขนาด 2,113x4,959x1,353 มม. ความยาวฐานล้อ 2,929 มม. น้ำหนักตัวรถ 2,260 กก. มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แบบ Radial Motors ขนาด 300kW กำลัง 760 แรงม้า และกำลังสูงสุด MaxBoost ที่ 830 แรงม้า แรงบิด 1,350 นิวตันเมตร แบตเตอรีที่วางแบบ T Shape ขนาด 92.5 kWh รองรับการชาร์จเร็วกำลังไฟ 270 kW (ชาร์จ 5 นาทีได้ระยะทาง 100 กม.) และรองรับการชาร์จแบบ AC ที่ 22 kW
ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม. ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบ Torque Vectoring
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบดับเบิล-วิชโบน แกนพวงมาลัยแบบ Semi Virtual และสปริงถุงลมปรับความหนืดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติ-ลิงค์ เฟืองท้ายแบบกลไก และสปริงถุงลมปรับความหนืดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เบรกหน้าเป็นจานเบรกคู่แบบเจาะรูระบายความร้อน มากับคาลิเปอร์ Brembo 6 พอต เบรกหลังจานเบรกคู่แบบเจาะรูระบายความร้อน มากับคาลิเปอร์ Brembo 4 พอต
ล้อแมกซ์หน้าขนาด 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/30 ZR20 ล้อแมกซ์หลังขนาด 21 นิ้ว รัดด้วยยาง 295/30 ZR21