ค่ายญี่ปุ่นยังสู้ไม่หยุด เรียกว่าชั่วโมงนี้ขอชิงพื้นที่คืน จากยอดขายตก ชั่งโมงนี้ดิ้นกันสุดตัว ทำตลาดงัดไม้เด็ดสู้รถ EV ที่เรียงขบวนเข้าตลาดยานยนต์ เป็นยุค EV ครองเมือง เข็นรถเด่นลุยพรมเขียว ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45
TOYOTA YARIS CROSS รถ SUV ไฮบริดขนาดเล็ก ผลิตภายในโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้าเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราเร่งดี ห้องโดยสารเงียบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัตราการปล่อย CO2 ต่ำ ประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาส 26.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ห้องโดยสารกว้าง สบายตา ออกแบบที่นั่งฝั่งผู้ขับขี่ดีไซน์แบบ “Driver-Oriented Cockpit” วัสดุหุ้มเบาะนั่งบุนุ่ม เทคโนโลยี “QUOLE MODULE ®” ช่วยลดการสะสมความร้อนบนผิวสัมผัส ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารปรับได้ 14 เฉดสี ปรับความสว่างได้ 4 ระดับ
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว ระบบการควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control ระบบป้องกันการหมุนฟรีของล้อ Traction Control System ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง กล้องบันทึกด้านหน้า-หลัง สัญญาณเตือนกะระยะหน้า-หลัง 4 จุด และชุดซ่อมยางฉุกเฉิน กล้องมองรอบคัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM & RCTA และระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense รองรับ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบรกมือไฟฟ้า EPB ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ลำโพง Pioneer 6 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay & Android Auto แบบไร้สาย ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ในราคาเริ่มต้นที่ 789,000 บาท
Honda HR-V e:HEV RS ถือว่าเป็นรถที่น่าสนใจในตลาดทีเดียว แม้จะมีรถ EV รุ่นใหม่ๆ มาเคาะหน้าประตูบ้านท้าทายแบบไม่เว้นวัน แต่ด้วยความที่เป็นแบรนด์ใหญ่จากค่ายญี่ปุ่น ย่อมยังมีความแข็งแกร่งและยังได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้บริโภคชาวไทยไม่น้อย อัตราบริโภคน้ำมันเป็นจุดเด่นในเมืองอยู่ราว 22 กม./ลิตร ส่วนวิ่งทางยาวๆ แตะ 20 กม./ลิตร โดยประมาณ Honda HR-V ทุกรุ่นย่อย ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมระบบควบคุม แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ให้กำลัง 131 แรงม้า มาพร้อมแรงบิด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี Honda SENSING ประกอบไปด้วย ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ในราคาเริ่มต้นที่ 979,000 บาท
MAZDA CX-3 รถครอสโอเวอร์เอสยูวี กับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร เชื่อมต่อด้วย Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย Wireless Charger กระจังหน้า กระจกมองข้าง และหลังคาสีดำ ออกแบบจากแนวคิด Kodo : Soul of Motion ห้องโดยสาร กรอบช่องแอร์สีคอปเปอร์ คอนโซลหน้าหุ้มด้วยหนังสีฟ้าเทา ตกแต่งด้วยด้ายสีคอปเปอร์ กับเบาะหนังสีดำและผ้า Grand Luxe Suede® ที่มีเฉพาะรุ่น 2.0 Sport Luxe โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 7 ตำแหน่ง
เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ตามแนวคิด จินบะ อิไต (Jinba Ittai) ระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control (GVC) เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่ให้อัตราเร่งดี ประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense ด้วยระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ โดยส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC แบบ Stop & Go (Mazda Radar Cruise Control with Stop & Go) รวมถึงระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง และอีกหลายเทคโนโลยีความปลอดภัย เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ ราคาเริ่มต้นที่ 770,000 บาท
Mitsubishi เปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อน ฟูลไฮบริด ใหม่! Xpander HEV e:Motion และ Xpander Cross HEV e:Motion ครั้งแรกของโลก และเป็นรถยนต์ครอบครัว 7 ที่นั่งขนาดเล็กรุ่นแรกในประเทศไทยที่มาพร้อมกับระบบฟูลไฮบริด พร้อมจุดเด่นแบบใหม่ Mitsubishi e:Motion พร้อมเริ่มขายทันที โดยที่รถทั้ง 2 รุ่นจะออกจากสายการผลิตจาก โรงงานผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ขุมกำลังเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิด 134 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร แบตเตอรี Full Hybrid ขนาด 1.1 kWh เกียร์ auto Transaxale อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 9.7 วินาที อัตราบริโภคน้ำมัน 19.2 กม./ลิตร
ดีไซน์ภายนอก ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟหรี่แบบ LED (LED Position Light) Daytime Running Light ไฟตัดหมอก LED ไฟท้าย LED กระจกหน้าแบบกันเสียงรบกวน กระจกข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED ที่จับเปิดประตูโครเมียม ไฟเบรกด้วยที่ 3 แบบ LED บริเวณสปอยเลอร์หลัง เสาอากาสแบบครีบฉลาม ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ใบปัดน้ำฝนหลัง ดีไซน์ภายในห้องโดยสารภายในแบบทูโทน ดำ-น้ำเงิน และ ดำ-น้ำตาล มาตรวัด LCD ขนาด 8 นิ้ว ระบบปรับอากาศดิจิตอล ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ พร้อมช่องแอร์หลัง แผ่นกรองฝุ่น PM2.5 กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ กระจกไฟฟ้า ปรับขึ้น-ลงอัตโนมัติด้านคนขับ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ กุญแจ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ท เบาะหนังแบบสะท้อนความร้อน ลำโพง 6 ตำแหน่ง ระบบกันสะเทือนและเบรก หน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และเหล็กค้ำหัวโช๊ค หลังแบบทอร์ชันบีม ดิสก์เบรก 4 ล้อ ล้อคู่หน้าแบบมีครีบระบายความร้อน ล้อแมกซ์ 17 นิ้ว ยางขนาด 205/55 R17 ราคาแนะนำ 912,000 บาท
รูปลักษณ์ภายนอก Suzuki XL7 Hybrid กระจังหน้าโครเมียมลายใหม่ ไฟหน้า LED รีเฟล็กเตอร์ และ Daytime Running Light และเสาอากาศแบบใหม่ ออกแบบด้านท้ายให้มีเส้นสายสะดุดตา ไฟท้าย LED แบบ Light Guides ติดตั้งสัญลักษณ์ Hybrid บริเวณประตูท้าย คงเอกลักษณ์ราวหลังคาสไตล์สปอร์ต ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง กับเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ตกแต่งคอนโซลลายไม้ ผสมกับดีไซน์คอนโซลแบบสปอร์ต มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลการขับขี่ Driving G-Force และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง อุปกรณ์อำนวยความสะดวก หน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว ฟังก์ชันเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รองรับการเชื่อมต่อ สะดวกกับแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
พวงมาลัยเป็นทรง D-Shape แนวสปอร์ต มาพร้อมกับปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มสั่งการโทรศัพท์ เพิ่มความคล่องตัวให้กับการขับขี่ด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือ Cruise Control แพลตฟอร์ม HEARTECT ช่วยในการขับขี่ เทคโนโลยีความปลอดภัย กล้องมองภาพด้านหลัง ระบบเซ็นเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญานเตือนขณะถอยจอด ระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ระบบ Idling Stop ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองขณะรถหยุดวิ่ง ราคาเริ่มต้นที่ 799,000 บาท
ระบบขับเคลื่อนอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น 2 ของ Nissan รวมกับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 30% เพิ่มขนาดแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 30% เทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยระบบอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น 2 ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร (Nm) ขณะที่เครื่องยนต์ DOHC แบบ 3 สูบ 12 วาล์ว ความจุ 1.2 ลิตรในนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่จะทำหน้าที่เสมือนโรงไฟฟ้าส่วนตัวที่สร้าง และจ่ายกระแสไฟให้กับเจเนอเรเตอร์ และอินเวอร์เตอร์เพื่อชาร์จเข้าสู่แบตเตอรี่ขับเคลื่อน ด้วยการผสานเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ที่มีขนาดความจุมากขึ้นนี้ นอกจากจะให้พละกำลังมากขึ้นแล้ว ยังให้การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการขับขี่ในเมือง และ 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ในการขับขี่โดยเฉลี่ย
เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคันหรือ Nissan’s 360° SAFETY SHIELD เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW) โดยการสั่นที่พวงมาลัย และเทคโนโลยีเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ หรือ High Beam Assist (HBA) ที่จะปรับระดับการส่องสว่างของไฟหน้า เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ หรือ Intelligent Cruise Control (ICC) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ หรือ Intelligent Emergency Braking (IEB) เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ หรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) และ เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา หรือ Blind Spot Warning (BSW) ราคาเริ่มต้นที่ 759,000 บาท