Continental คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก และคอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) ผนึกกำลังจัดงานโชว์เคสนวัตกรรม ในคอนเซ็ปต์ “Continental Drives Future Mobility with Confidence” ชูศักยภาพขององค์กรในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่โลกแห่งอนาคต นำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรสำหรับยานยนต์ทุกประเภท ที่ถูกพัฒนาบนมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความยั่งยืน
มร. ปีเตอร์ รางเคิล ประธานฝ่ายบริหารภูมิภาคอาเซียน คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก กล่าวถึงธุรกิจในกลุ่มออโตโมทีฟ ว่า “คอนติเนนทอล ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่มุ่งเน้นมอบความปลอดภัย ยกระดับประสบการณ์ผู้ขับขี่ และผลักดันการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ในทุกขณะ ซึ่งอีกเทรนด์มาแรงคู่กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง เทรนด์ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Mobility) ก็จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างความเติบโตให้กับตลาดยานยนต์ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ ได้ดำเนินการพัฒนาโซลูชั่นด้านยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายในการยกระดับความสะดวกสบาย และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอระบบให้ความช่วยเหลือและควบคุมการขับขี่อัตโนมัติ (Assisted & Automated Driving Control Unit: ADCU) แพลตฟอร์มประมวลผลอเนกประสงค์ที่มีความปลอดภัยสูงและเชื่อถือได้ เหมาะสำหรับระบบการขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง (Highly Automated Driving: HAD) โดย ADCD จะทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งผนวกเข้ากับเทคโนโลยีการจอดรถอัจฉริยะ (Auto-Parking) ตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการหาที่จอดรถ สามารถนำรถเข้าจอดได้อย่างปลอดภัยในทุกพื้นที นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นด้านสถาปัตยกรรมและเครือข่ายสำหรับยานยนต์ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีค็อกพิทอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-Performance Computing: HPC) ช่วยในการเชื่อมต่อฟังก์ชันการทำงานภายในรถยนต์ตั้งแต่ความบันเทิงไปจนถึงความปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่องเป็นต้น”
ด้าน มร. คาเรล คูเซรา กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวถึงธุรกิจในกลุ่มยางรถยนต์ว่า “ภาพรวมของตลาดยางรถยนต์ยังคงเติบโตเป็นไปตามเป้า ซึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้า คอนติเนนทอล ไทร์ส ก็พร้อมนำเสนอโซลูชั่นที่สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในทุกมิติ นอกจากนี้เรายังเป็นผู้ผลิตยางให้กับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ 5 อันดับแรกในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือ Tesla, BMW, Volkswagen, BYD และ Geely เป็นต้น โดยเรามียางมาตรฐานพรีเมียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยนวัตกรรมพิเศษที่ผู้ขับขี่รถยนต์มองหาอย่าง ContiSeal ที่จะช่วยอุดรอยรั่วได้ทันทีตอบโจทย์รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มียางอะไหล่ติดตั้งมาในตัวรถ และเทคโนโลยี ContiSilent ที่ติดตั้งโฟมดูดซับเสียงภายในยาง ช่วยลดเสียงรบกวนจากพื้นถนน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ให้การขับขี่และการโดยสารเงียบสงบกว่าที่เคย สามารถขับขี่ได้ระยะทางไกลขึ้นกว่าเดิมด้วยอัตราการต้านทานการหมุนที่ต่ำ ซึ่งนอกจากความโดดเด่นด้านนวัตกรรมยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คอนติเนนทอล ไทร์ส ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ยางสำหรับยานยนต์ทุกประเภท สามารถสนองต่อความต้องการของแบรนด์รถยนต์ยุโรปและเอเชีย ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ ทั้งรถกระบะ รถบรรทุก ไปจนถึงรถจักรยานยนต์”
“นอกจากนี้ คอนติเนนทอล ไทร์ส ยังมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยางรถยนต์ให้มีสมรรถนะสูงเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เรายังมีการจัดโครงการต่างๆมากมายที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าของเรา สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราในการเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวสู่ยุคใหม่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างยั่งยืน” มร.คาเรล กล่าวเสริม
มร. วิกเนซ เดวาเสนาพาที ผู้จัดการโรงงาน คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าวเสริมทัพในการสร้างความเชื่อมั่นด้านการผลิตยางรถยนต์ว่า “ปีนี้ เราได้ก้าวสู่ปีที่ 5 ของการก่อตั้งโรงงานยางคอนติเนนทอล ในประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง ที่มีความทันสมัยที่สุดและเป็นหนึ่งในฐานการผลิตใหญ่ของคอนติเนนทอลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรในการก้าวสู่การเป็นผู้นำเสนอนวัตกรรมยางรถยนต์ที่มีความโดดเด่นด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยภายในปี 2573 เราตั้งเป้าว่าจะก้าวขึ้นเป็นโรงงานผลิตยางที่มีความโดดเด่นที่สุดทางด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมด้วยความมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าและโซลูชั่นที่ยั่งยืนครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตควบคู่ไปกับการยกระดับความยั่งยืนภายในกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องไปกับนโยบายด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลในระดับโลก โดยการขยายโรงงานที่จังหวัดระยอง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการแผนการลงทุนของธุรกิจยางคอนติเนนทอล เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตให้พร้อมรองรับกับความต้องการของตลาดยาง ในขณะที่ยังยึดมั่นในการบริหารจัดการกระบวนการผลิตด้วยมาตรฐานความปลอดภัยและความอย่างยั่งยืน ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนในเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัย ก็ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลิตยางคุณภาพสูงของคอนติเนนทัล ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างมั่นใจ”
“การจัดงานโชว์เคสในครั้งนี้ คือการตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าคอนติเนนทอล เราเป็นมากกว่าผู้ผลิตเทคโนโลยีสำหรับยานยนต์และยางรถยนต์ แต่เราคือผู้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่ยึดถือความปลอดภัยและความยั่งยืนในทุกๆ สิ่งที่เราทำ” มร.ปีเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย
คอนติเนนทอล ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2414 พัฒนาเทคโนโลยีและบริการสำหรับยานยนต์ที่มีการเชื่อมต่อให้กับผู้คนทั่วโลก โดยนำนวัตกรรมยานยนต์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และราคาสมเหตุสมผลให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องจักร ตลอดจนการขนส่ง ในปี พ.ศ. 2565 คอนติเนนทอลมียอดขายสูง 39.4 พันล้านยูโร และมีพนักงานกว่า 200,000 คนใน 57 ประเทศทั่วโลก
โครงสร้างของคอนติเนนทอล ประกอบด้วยธุรกิจ 3 ภาคส่วน ภายใต้หลังคาเดียวกัน ได้แก่
คอนติเนนทอล ได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการขับขี่แห่งอนาคต ด้วยการใช้เทคโนโลยีการขับขี่แบบไร้รอยต่อ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูง ใน 5 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้
Green Caliper มีจุดเด่นคือ การออกแบบที่มีน้ำหนักเบา เมื่อติดตั้งร่วมกับดิสก์เบรก จะช่วยลดน้ำหนักได้สูงสุดถึง 5 กิโลกรัม (แล้วแต่กรณี) และช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกและดิสก์ให้น้อยกว่า 0.2 ฟุตปอนด์ ทำให้ประหยัดพลังงาน ทั้งยังลดการสึกหรอของผ้าเบรก และจัดการความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรกดียิ่งขึ้น และสามารถลดความเร็วได้สูงสุดประมาณ 0.3 ของแรง g (g-forces) พร้อมส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้งาน และรองรับเทคโนโลยีการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่
Smart Cockpit HPC เป็นโซลูชันที่ถูกกำหนดค่าไว้ล่วงหน้า แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ขับขี่ โดยนำเสนอการตอบสนองระหว่างใช้งานอย่างรวดเร็ว มอบอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานที่ราบรื่น แม้จะเป็นการทำงานของฟังก์ชันแบบข้ามโดเมนก็ตาม
นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังได้ร่วมมือกับ Telechips ในการพัฒนา Smart Cockpit HPC ซึ่งมีการใช้โปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังจากตระกูล Dolphin เพื่อการเปิดตัวสู่ตลาดที่รวดเร็วยิ่งขึ้นและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ล้ำสมัย โดย Dolphin System on Chip (SoC) ช่วยให้สามารถลดขั้นตอนในการพัฒนาและต้นทุนสำหรับผู้ผลิตยานยนต์ ขณะเดียวกันก็นำเสนออีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับยานพาหนะที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ SDV โดย Smart Cockpit HPC ได้รับการออกแบบสำหรับการตั้งค่าห้องผู้ขับพร้อมคนขับและจอแสดงผลส่วนกลาง รวมถึงระบบช่วยเหลือด้วยกล้องสูงสุดถึง 5 ตัว พร้อมรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง
คอนติเนนทอล เป็นแบรนด์ยางรถยนต์ที่เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 และเป็นที่รู้จักในฐานะยางเยอรมันที่มีคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์สมรรถนะสูงและรถยุโรป ปัจจุบัน คอนติเนนทอลได้มีการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ยางให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ยางสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ และรถเอสยูวี จากทุกสัญชาติ ทั้งเยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน มาพร้อมขนาดยางที่มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 15 นิ้ว เป็นต้นไป พร้อมตอบโจทย์การเป็นยางระดับพรีเมียมสำหรับรถยนต์ทุกประเภท
เมื่อต้นปี พ.ศ. 2567 คอนติเนนทอล ไทร์ส ประเทศไทย ได้นำเสนอยางรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่น ได้แก่ MaxContact MC7 ยางที่ตอบโจทย์รถยนต์สายสปอร์ต และ eContact ยางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
MaxContact MC7
ยางรถยนต์ที่ชูนวัตกรรม Sport+ Technology ในกลุ่มยางสปอร์ตสมรรถนะสูง ดีไซน์มาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนเอเชียที่มองหาการขับขี่ที่เร้าใจโดยเฉพาะ พร้อมเปลี่ยนการขับขี่ประจำวันให้สนุกไปอีกขั้น โดยมอบความพิเศษถึง 3 ด้าน ได้แก่
มาพร้อมระบบเทคโนโลยีภายในยาง 3 ระบบ ดังนี้
MaxContact MC7 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 4,000 – 13,000 บาท/เส้น ตามขนาดขอบ 16 - 20 นิ้ว
eContact
ยางรถยนต์รุ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ มอบการขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบสงบกว่าที่เคย ผสานความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัดในการขับขี่และการโดยสาร ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมและการเบรกที่ยอดเยี่ยม ทั้งบนพื้นถนนแห้งและเปียก พร้อมมอบทุกการเดินทางเป็นให้ไปอย่างรื่นรมย์ โดยผสานความโดดเด่นทั้ง 2 เทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน ดังนี้
นอกจากนี้ ยางรถยนต์ eContact ยังโดดเด่นในการลดการใช้พลังงานด้วยส่วนผสม Green Chili 2.0 และรูปแบบดอกยางที่ออกแบบมาพิเศษ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ในรถยนต์ไฟฟ้า ให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางที่ไกลขึ้นกว่าเดิมด้วยอัตราการต้านทานการหมุนที่ต่ำ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงในรถยนต์ไฮบริดให้เดินทางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แม้จะเน้นที่ประสิทธิภาพในการขับขี่ แต่ยางรุ่น eContact ก็ยังให้การยึดเกาะและการเบรกที่ดีเยี่ยมในสภาพถนนเปียก ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยบนท้องถนนแม้ในขณะฝนตก พร้อมมอบการควบคุมและการตอบสนองที่ดีในสภาพถนนแห้ง สำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน ให้ทุก ๆ วันเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย
eContact วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 6,000 – 16,000 บาท/เส้น ตามขนาดขอบ 17 - 20 นิ้ว
แนวคิดด้านความยั่งยืนในการผลิตยางรถยนต์ของคอนติเนนทอล
นอกจากการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านยางรถยนต์ให้ครบคลุมทุกเซกเมนต์แล้ว อีกหนึ่งหัวใจหลักของการดำเนินงานของคอนติเนนทอลคือ เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยคอนติเนนทอลได้ประกาศความมุ่งมั่นด้านการใช้วัสดุหมุนเวียนและวัสดุรีไซเคิลให้ได้มากกว่า 40% ในยางรถยนต์ทั้งหมด ภายในปี พ.ศ. 2573
เริ่มต้นจากช่วงต้นปี พ.ศ. 2564 คอนติเนนทอล เริ่มผลิตยางรถยนต์ด้วยแนวคิด Conti GreenConcept ที่ใช้วัตถุดิบจากการรีไซเคิลและวัตถุดิบทดแทน ทั้งจากการใช้ซิลิกาชีวภาพจากของเหลือทิ้งทางการเกษตร การพัฒนาโพลีเอสเตอร์จากขวด PET รีไซเคิล และวัตถุดิบหมุนเวียนรีไซเคิลอื่น ๆ โดยคอนติเนนทอลได้นำแนวคิดเหล่านี้สู่ยางรถยนต์ซีรีส์ UltraContact NXT ได้สำเร็จ นับเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนและการมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์ที่ก้าวหน้าที่สุดของคอนติเนนทอล
UltraContact NXT
ยางรถยนต์ที่สะท้อนแนวคิดด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลได้อย่างดีที่สุด และถือเป็นยางรุ่นแรกของโลกที่ผลิตจากวัสดุหมุนเวียน โดย 65% ของส่วนผสมใน UltraContact NXT มาจากวัสดุหมุนเวียน วัสดุรีไซเคิล และวัสดุที่ผ่านการรับรองเครื่องชั่งมวล ISCC PLUS
นอกจาก UltraContact NXT จะมีส่วนสำคัญในการเริ่มต้นขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนของคอนติเนนทอลแล้ว ยังมอบประสิทธิภาพการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะเช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ทั้งในด้านแรงต้านการหมุน การเบรกบนพื้นเปียก และการลดเสียงรบกวนจากภายนอก เป็นต้น
นอกจากนี้ UltraContact NXT ยังประสบความสำเร็จในด้านการออกแบบ โดยได้รับรางวัลการออกแบบระดับนานาชาติ ในงาน IDA International Design Award 2023 ในสาขาอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์และการขนส่ง/รถยนต์
จากแผนยุทธศาสตร์ด้านการเติบโตของบริษัท คอนติเนนทอลได้ก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ในจังหวัดระยอง ด้วยจำนวนเงินลงทุนกว่า 276 ล้านยูโร หรือกว่า 11,000 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี พ.ศ. 2560 โรงงานแห่งนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างอันโดดเด่นทางด้านความเป็นเลิศในกระบวนการผลิต โดยเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากเริ่มเดินเครื่องการผลิต และส่งมอบยางเส้นแรกให้กับลูกค้าชั้นนำระดับโลก ที่เจาะจงเลือกใช้ยางคอนติเนนทอลให้เป็นยางสำหรับรถยนต์ที่ออกจากโรงงาน หรือที่เรียกกันว่ายาง OE (Original Equipment) ได้สำเร็จในปี 2562 หรือเพียงสองปีหลังจากการก่อตั้งโรงงาน
ปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิตสูงถึง 4 ล้านเส้นต่อปี โดยมีการผลิตยางคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ Continental, General Tire, และ Viking ซึ่งนับว่าเป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุด และเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ของคอนติเนนทอล เพื่อผลิตยางสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุกขนาดเล็ก ตลอดจนรถจักรยานยนต์ ทั้งยังมีส่วนส่งเสริมการจ้างงานกว่า 900 ตำแหน่ง โรงงานแห่งนี้ กำลังก้าวขึ้นเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของคอนติเนนทอลในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมทั้งมีส่วนในการยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนนแก่ผู้ขับขี่และผู้ใช้งาน ผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากเยอรมั
เดินหน้าสู่อนาคต ด้วยการยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่
โรงงานยางที่ระยอง ยังได้เริ่มการผลิตนวัตกรรมยางรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “MaxContact MC7” ถือเป็นยางสปอร์ตระดับพรีเมียมที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนการขับขี่ประจำวันให้มีความสนุกยิ่งขึ้น ทั้งยังมอบความปลอดภัยสูงสุดอย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอกย้ำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในรถยนต์ไฟฟ้า
ย้อนไปในปี 2566 ที่ผ่านมา คอนติเนนทอล ได้ส่งมอบยางแก่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำที่มียอดผลิตสูงสุดห้าอันดับแรกในภูมิภาคเอเชีย มาพร้อมเทคโนโลยีพิเศษที่ตอบโจทย์ความต้องการของรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างดี โดยนวัตกรรมเหล่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งด้านความเชี่ยวชาญของยางคอนติเนนทอลสำหรับทั้งรถยนต์สันดาปทั่วไปและรถยนต์ไฟฟ้าได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ContiSeal เทคโนโลยีที่จะช่วยอุดรอยรั่วได้ทันที ลดการใช้ยางอะไหล่ และ ContiSilent เทคโนโลยีที่สามารถลดเสียงรบกวนเพื่อการขับขี่ที่เงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ปราศจากเสียงเครื่องยนต์
โรงงานแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางวิศวกรรมชั้นนำของเยอรมนีมาสู่เมืองไทยเท่านั้น แต่ยังถูกสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานและประสิทธิภาพอันสูงสุด ในระดับเดียวกันกับโรงงานผลิตยางรถยนต์คอนติเนนทอลทั่วโลก ด้วยพนักงานกว่า 900 คน ที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม ทั้งอุปกรณ์ดั้งเดิมและอุปกรณ์เสริม ให้แก่ลูกค้าและพันธมิตรในทุกภาคส่วน อีกทั้งเครื่องจักรในโรงงานยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน พร้อมกระบวนการโลจิสติกส์แบบอัตโนมัติระดับสูง ที่ช่วยให้พนักงานทุกคนได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ลงตัวตามหลักสรีระศาสตร์ ทำให้โรงงานแห่งนี้คว้ารางวัล "สถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2567" ตอกย้ำความเป็นโรงงานต้นแบบแห่งความยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังได้จัดพิธีตั้งเสาเข็มเพื่อฉลองการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการขยายโรงงานผลิตยางรถยนต์ ในจังหวัดระยอง โดยโครงการลงทุนในครั้งนี้จะขยายพื้นที่การผลิตของโรงงานในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก 35,000 ตารางเมตร รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล และรถบรรทุกขนาดเล็กภายในปี 2572 เพื่อให้คอนติเนนทอลสามารถตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย รวมถึงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกา
นอกจากโรงงานผลิตยางที่จังหวัดระยองแล้ว ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 คอนติเนนทอลได้ขยายการลงทุนก่อสร้างโรงงานยางมอเตอร์ไซค์แห่งใหม่ในจังหวัดระยอง มูลค่าการลงทุนกว่า 26 ล้านยูโร โดยตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงงานผลิตยางรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อเป้าหมายในการสนับสนุนการผลิต และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยางให้แก่ลูกค้าทั่วโลกอย่างดียิ่งขึ้น โรงงานผลิตยางมอเตอร์ไซค์แห่งใหม่นี้ นับว่าเป็นโรงงานผลิตยางมอเตอร์ไซค์แห่งที่สองของคอนติเนนทอลที่ก่อตั้งนอกประเทศเยอรมนี โดยเริ่มผลิตในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 และส่งมอบยางให้กับลูกค้าครั้งแรกในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565
มุ่งมั่นตอบแทนทุกภาคส่วนด้วยนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก
โครงการริเริ่มด้านการประหยัดพลังงานของคอนติเนนทอล ถูกนำมาปรับใช้ในกระบวนการผลิตของโรงงานยางที่จังหวัดระยอง โดยในปี 2566 โรงงานแห่งนี้ได้ขยายกําลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เป็น 4.2 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกําลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน แผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งอยู่ในโรงงานสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ทั้งหมด 13% ของไฟฟ้าที่จําเป็นในกระบวนการผลิต
นอกจากนี้ คอนติเนนทอลยังสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น โครงการด้านความปลอดภัย ด้านสุขภาพ ด้านคุณภาพชีวิต และการศึกษา เช่น การปลูกต้นไม้ การปรับปรุงสนามเด็กเล่นในโรงเรียน การสร้างความตระหนักรู้ การให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย การแยกขยะ และเรื่องสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน สำหรับโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดระยอง