แม็กซีน อินทิพร แต้มสุขิน เล่าจุดเปลี่ยนกินผักเพื่อรักษาตัวเอง ผ่าน Podcast ห้องจ่ายผัก เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่มีสุขภาพดีไปด้วยกัน
"การกินผักสำหรับเราเหมือนเขาให้พลังชีวิตกับเรา เพราะเราเคยไม่สบายมาก่อนก็เลยเลือกใช้วิธีธรรมชาติของอาหารหรือผักต่างๆ มาช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลในร่างกายของเรา" แม็กซีน อินทิพร แต้มสุขิน อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็น Content Creator สายสุขภาพและไลฟ์สไตล์ บอกเล่าเรื่องราวผ่านรายการ MVP Podcast
ที่เธอนั้นให้นิยามคำว่า MVP มาจาก Maxdicine Vegetable Pharmacy แบ่งปันเรื่องราวบนถนนแห่งการดูแลสุขภาพให้ทุกคนฟัง ผ่านประสบการณ์ตรงของเธอที่ผ่านการป่วยหลายโรค รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพง่ายๆ ที่ได้ศึกษามา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่มีสุขภาพดีไปด้วยกัน
มิสผัก ชื่อนี้มีที่มา...แม็กซีน อินทิพร เล่าที่มาของการกินผักทุกชนิดที่มีรอบตัว จนได้ชื่อว่าเป็น มิสผัก
การกินผักสำหรับเราเหมือนเขาให้พลังชีวิตกับเรา โดยเฉพาะผักที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นสดๆ สำหรับเรามันให้ความสดใหม่มากๆ เลย ผักหลายชนิดก็มีหลายรสชาติ ทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน ขม ฝาด แล้วก็ฉุน ซึ่งจริงๆ ผักเป็นสิ่งที่มีครบรส และเรารู้สึกว่ามันเป็นเหมือนการผจญภัยโดยเฉพาะเวลาเราเอาเขามาทำอาหาร เพราะเราเคยไม่สบายมาก่อน เราก็เลยเลือกใช้วิธีธรรมชาติในส่วนของอาหารและผักต่างๆ มาช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและปรับสมดุลในร่างกายของเรา
จุดเริ่มต้นจริงๆ ของการกินผัก แม็กซีนเล่าว่า คุณพ่อเป็นคนที่ชอบกินแป้งกับเนื้อสัตว์มาก จำได้ว่าตอนเด็กๆ บนโต๊ะอาหารจะไม่มีอาหารสีเขียวเลย จะเป็นสีขาวและสีน้ำตาลเป็นหลัก จุดนั้นมันอาจจะเป็น pain point ของเราที่ทำให้รู้สึกอยากเพิ่มอาหารสีเขียว เพิ่มความหลากหลายของอาหารบนโต๊ะ นอกจากนี้คุณพ่อยังเป็นแนว Old school คือจะชอบทำอาหารหม้อใหญ่ๆ ซึ่งติดมาจากตอนที่อยู่อเมริกา คือชอบทำเผื่อไว้ก่อนเลย ซึ่งมันก็มีข่าวออกมาในช่วงนี้บ่อย นั่นก็คือเรื่องการอุ่นอาหารซ้ำๆ ซึ่งการอุ่นอาหารซ้ำมันมีความอันตรายกับร่างกายมาก
แม็กซีนเล่าว่าคุณพ่อของเธอจากไปด้วยมะเร็งกระเพาะ เลยทำให้เธอมีความตระหนักรู้เรื่องการปรุงอาหารให้สดใหม่ นั่นทำให้เกิดการให้ความสำคัญเรื่องของพลังชีวิตและการกินอาหารที่มีความสมดุล เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการตระหนักรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ พยายามกินตามตำรา บวกกับออกกำลังกายเยอะมาก กินตามอินเตอร์เน็ตทุกอย่างที่บอกว่าดี ก็ลองผิดลองถูกมาเยอะ ช่วงมหาวิทยาลัยเราก็อยากสวยอยากผอม แต่การกินอาหารซ้ำๆ มันทำให้เราเริ่มการสะสมอาการป่วยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แม็กซีนเล่าถึงจุดเปลี่ยนในชีวิต คือตอนอายุ 27 ประจำเดือนมาปีละครั้ง ซึ่งช่วงนั้นเธอบอกว่าบ้าออกกำลังกายมาก ตื่นตี 3 ออกไปวิ่ง กลับมาบ้านเล่นโยคะ เวทเทรนนิ่ง แล้วรีบออกไปทำงาน กลับมาตอนเย็นยังว่ายน้ำได้ต่ออีก
หนึ่งเลยชีวิตเราอยู่บนพื้นฐานความเร่งรีบมาก กินอาหารแทบจะไม่มีเวลาเคี้ยว หลายๆ ครั้งกินอาหารหน้าคอมพ์ตอนทำงานเพราะไม่อยากเสียเวลา พอไปตรวจสุขภาพก็พบว่ามี Growth Hormones เท่ากับคนอายุ 80 ซึ่งเท่ากับว่าร่างกายเราแทบจะฟื้นฟูตัวเองไม่ได้ จากที่เคยคิดว่าตัวเองแข็งแรงมีสุขภาพดีมาตลอด ผลการตรวจสุขภาพเหมือนตบหน้าให้ตื่นรู้จากสิ่งที่เราสะสมมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นทุกอย่างเป็นเหมือนโดมิโน่เอฟเฟกต์ หลายๆ โรคเริ่มเข้ามา ทั้งกรดไหลย้อน สะเก็ดเงิน ลมพิษเรื้อรังมานานกว่า 3 ปี แถมยังมีโรคนอนไม่หลับ เครียด สารหนูเป็นพิษ ทุกอย่างถาโถมเข้ามาหมด แน่นอนว่ามันเป็นการบ่งชี้ว่าภูมิคุ้มกันในตัวของเราบกพร่องมากๆ จุดเปลี่ยนในวันนั้นทำให้เราหันหลับมาดูแลร่างกายตัวเอง แต่ยังอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เครียดมากนัก เพราะต้นเหตุของทุกอย่างที่ทำให้เราป่วยเกิดมาจากความเครียดในร่างกายของเรา จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เริ่มศึกษาทั้งศาสตร์ไทย ศาสตร์จีน รวมทั้งศาสตร์ของฝรั่งด้วย แล้วเอามาปรับใช้กับตัวเองเพื่อที่จะให้ร่างกายฟื้นฟูกลับมาได้
ระหว่างทางที่ศึกษาก็พบแก่นแท้ของปัญหาว่า การที่เราไม่สบายตอนอายุ 27 ไม่ได้หมายความว่าเราเพิ่งไม่สบาย แต่มันคือการสะสมของพฤติกรรมหรือสิ่งที่เราทำมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเราทำอะไรที่มันติดลบมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งร่างกายก็ฟ้องออกมาเป็นอาการป่วยแบบนี้
มองย้อนกลับไป จริงๆ เริ่มป่วยตั้งแต่ 5 ขวบ ตอนเด็กๆ คุณพ่ออยากให้เป็นหมอมาก เขาเลยเปิดร้านขายยา เราก็ไปทำงานที่ร้านขายยาซึ่งมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม เราขอบคุณคุณพ่อมากที่ทำให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องยามาเยอะ แต่อีกมุมหนึ่งเราก็เข้าถึงตัวยาเยอะมากเหมือนกัน ถ้าเราปวดหัวก็แค่หยิบยาแก้ปวดออกมากิน ภูมิแพ้ น้ำมูกไหลก็กินยาแก้ภูมิแพ้ เพราะยามันหยิบจับง่ายมากสำหรับเรา แต่ทุกครั้งอยู่ภายใต้การดูแลของเภสัชเสมอมา
รวมทั้งยังทอนซิลอักเสบเป็นประจำด้วย ทุกเดือนเลยต้องกินยาแก้อักเสบเป็นประจำ และนั่นแหละคือต้นเหตุ เพราะการที่เราใช้ยาเกินความจำเป็น เรากำลังทำลายล้างสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อภูมิคุ้มกันและชีวิตของเรามากๆ เลย นั่นก็คือจุลินทรีย์ดีในลำไส้ของเรา
ด้วยเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ ที่ได้เจอมา บวกกับการเดินทางรักษาตัวเองของเรา จนมาถึงตอนนี้คิดว่ากลับมามีสุขภาพดีปกติแล้ว ก็เลยอยากแบ่งปันเรื่องราวความรู้และประสบการณ์ของเราให้คนที่สนใจนำไปใช้ประโยชน์ได้ เชื่อว่าการดูแลสุขภาพต้องเป็นเรื่องที่สนุกและง่าย เพราะเมื่อไรที่มันไม่ง่ายหรือเราคิดว่ามันยาก มันจะทำให้เกิดความท้อแท้ได้ง่าย เราจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างยั่งยืน
แบ่งปันความรู้ด้วยไลฟ์สไตล์ Maxdicine
ที่ใช้คำว่าไลฟ์สไตล์ Maxdicine เพราะว่าการที่มีสุขภาพดีได้นั้นมันเป็นเหมือนชีวิตประจำวันที่เราต้องทำ แม็กอยากจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า Yor are your best doctor ถึงตอนนี้เราจะยังสงสัยว่าเราจะเริ่มดูแลสุขภาพยังไง สิ่งแรกที่เราจะทำได้เลยก็คือการฟังร่างกายของตัวเอง ซึ่งร่างกายเราเขาฉลาดมากเลยนะคะ แล้วเขาพยายามจะสื่อสารกับเราตลอดเวลา อย่างที่แม็กเคยบอกว่าเคยเป็นสะเก็ดเงินมาก่อน หากใครที่กำลังเป็นสะเก็ดเงินหรือว่าโรคภูมิแพ้ตัวเอง เราจะสังเกตได้ว่าร่างกายของเราพยายามบอกเราตลอดเวลา ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อไรที่เรากำลังเป็นร้อนใน ร่างกายเรากำลังจะบอกว่า คุณกินอะไรบางอย่างที่ร้อนเกินไปแล้ว ร่างกายกำลังร้อนมากแล้วนะ ต้องเบาๆ ลง ต้องเบรกเรื่องอาหารแปรรูป ของเผ็ด ของร้อน หรือถ้าอยู่ดีๆ เราเป็นสิวที่หน้าขึ้นมา เป็นเพราะช่วงนี้กินของมันหรือเปล่า กินของเผ็ดของร้อนหรือเปล่า กินนมเยอะเกินไปหรือเปล่า ร่างกายเราเขาพยายามจะสื่อสารบอกเราตลอดเวลาเลย ฉะนั้นแค่เราฟังร่างกายเราก็จะสามารถปรับตัวปรับชีวิตเพื่อปรับสมดุลได้
ตอนที่เราไม่สบาย เราก็มาคิดได้ว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครสามารถมอบหรือว่าให้สุขภาพที่ดีกับเราได้นอกจากตัวเราเอง เป็นสิ่งที่เราต้องสร้าง จึงอยากเชิญทุกคนมาร่วมเดินทางบนถนนแห่งการดูแลสุขภาพไปด้วยกัน มาร่วมสร้างสุขภาพที่ดีจากลำไส้ของเรากันค่ะ
Advertisement