กินชานมไข่มุก ทุกวัน ทำให้เป็น โรคนิ่วในถุงน้ำดี จริงหรือ? กรมอนามัยมีคำตอบ รู้จัก โรคนิ่วในถุงน้ำดี สัญญาณอาการเข้าได้กับโรค ควรรีบพบแพทย์
จากข่าวที่แชร์กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย กรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "บอกคนไข้ให้ลองนับดูว่าได้กี่เม็ด ก้อนนิ่วในถุงน้ำดี คนไข้ไปนั่งนับมาจริงๆ 380 เม็ดที่อยู่ในถุงน้ำดี เลยลองถามเมนูโปรดที่ชอบกินคืออะไร ชาไทย วันละ 1-2 แก้ว แล้วก็อาหารทอด มัน ผัด กินทุกวันเลยค่ะ"
อย่างไรก็ตาม การกินชานมไข่มุกทุกวันย่อมไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแน่นอนเพราะใน ชานมไข่มุก 1 แก้ว มีน้ำตาลสูงถึง 8-11 ช้อนชา พอรวมกับจำนวนไข่มุกที่เปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาลด้วยทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ย่อมมีโอกาสเสี่ยงเป็นเบาหวานได้ง่าย แต่การกินชานมไข่มุกทุกวันเป็นสาเหตุของโรคนิ่วในถุงน้ำดี ประเด็นนี้จริงเท็จอย่างไร ?
อ้างอิงข้อมูลจาก ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ให้ข้อมูลในประเด็นเดียวกันนี้ว่า "เรื่องกินชานมไข่มุก วันละ 2-3 แก้ว เป็นเวลานาน ทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน
กินชานมไข่มุก วันละ 2-3 แก้ว เป็นเวลานาน ทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดี ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ชานมไข่มุกและน้ำหวานอาจไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุเดียว เพราะว่า โรคนิ่วมีหลายสาเหตุ ซึ่งอาหารและเครื่องดื่มจะเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เป็นมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารทอด อาหารมัน อาหารหวาน จำพวกที่มีไขมันสูง ซึ่งพวกนี้เป็นส่วนประกอบทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน โดยคนอ้วนจะมีโอกาสเกิดนิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) ได้มากขึ้น เนื่องจากคอเลสเตอรอล เพิ่มมากขึ้นในถุงน้ำดี แต่การบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้อีก เช่น เพศหญิง 40 ปีขึ้นไป ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับไขมันชนิดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงมาก ๆ ผู้ที่ทานฮอร์โมนจากภาวะหมดประจำเดือน ผู้ทานยาลดไขมันในเลือดบางชนิด ผู้ที่อดอาหารหรือลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว มีผลจากการอดอาหาร อาจส่งสัญญาณให้ถุงน้ำดีบีบตัวน้อยลง เพราะเมื่อได้รับอาหารน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องหลั่งน้ำดีมาย่อย เมื่อน้ำดีไม่ค่อยได้หลั่งออกมาก็จะสะสมอยู่นิ่ง ๆ ภายในถุงน้ำดี มีโอกาสที่จะตกตะกอนเป็นก้อนนิ่วได้
สาเหตุของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจาก ความไม่สมดุลของสารเคมีในน้ำดีที่ใช้ในการย่อยไขมันเพื่อให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งโดยปกติน้ำดีประกอบด้วยสารต่าง ๆ มากมายหลายชนิดที่ถุงน้ำดี (อวัยวะที่มีลักษณะเป็นถุงหรือกระเปาะ อยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านขวา) ทำหน้าที่เหมือนเป็นโกดังสะสมน้ำดีที่ผลิตมาจากตับ เช่น น้ำ คอเลสเตอรอล บิลิรูบิน เลซิติน และเกลือน้ำดี เป็นต้น
หากเกิดกรณีที่สมดุลเคมีไม่สมดุลจากการสาเหตุต่าง ๆ เช่น มีคอเลสเตอรอลหรือบิลิรูบินมากเกินไป อาจขับออกมาไม่หมด แล้วตกตะกอนกลายเป็นนิ่วอยู่ภายในได้
นิ่วชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล (cholesterol stones) เป็นนิ่วที่เกิดขึ้นจากการจับตัวของคอเลสเตอรอลประมาณ 70% โดยน้ำหนักเกิดจากการมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป ไม่สามารถขับ ออกมาจากถุงน้ำดีได้หมด จึงตกตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่ว เมื่อเรากินอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงเป็นประจำ อาจทำให้เกิดการตกตะกอนของคอเลสเตอรอล ร่วมกับเกลือแร่และโปรตีนที่ไม่สมดุลในน้ำดี จนเกิดเป็นก้อนนิ่วอุดตันอยู่ภายใน เมื่อสะสมมากเข้าจะทำให้การทำงานของถุงน้ำดีแย่ลง หากปล่อยไว้อาจเกิดการอักเสบในที่สุด
มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย อาเจียน ปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณช่วงท้องส่วนบนด้านขวา โดยปวดต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นต้น ข้อสังเกต คือ ผู้ป่วยแทบจะขยับตัวไม่ได้เลย เพราะจะปวดมาก และถ้าหากพบว่ามีอาการดังกล่าวแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
ชานมไข่มุกและน้ำหวานอาจไม่ได้เป็นเพียงสาเหตุเดียว เพราะว่า โรคนิ่วมีหลายสาเหตุ ซึ่งอาหารและเครื่องดื่มจะเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เป็นมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารทอด อาหารมัน อาหารหวาน จำพวกที่มีไขมันสูง โดยคนอ้วนจะมีโอกาสเกิดนิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) ได้มากขึ้น
Advertisement