จากกรณีนางอิ๋ว (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ร้องเรียนทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่าถูกสามีโหดใช้มีดแทงแขน 13 แผล ทำร้ายด้วยการตบตี คีบถ่านร้อน ๆ นาบตามตัว และกังขังไว้ในโกดัง ประมาณ 2 เดือน จนกระทั่งผู้เสียหายหนีออกมาได้ และส่งเรื่องร้องเรียนกับทีมข่าวนั้น
วันที่ 5 ต.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางไปพบกับ นางอิ๋ว (นามสมมติ) สาวผู้เสียหาย เปิดใจว่า ตนรู้จักกับสามีชาวอียิปต์ ผู้ก่อเหตุมานาน 7-8 ปี และตัดสินใจใช้ชีวิต ทำธุรกิจร่วมกัน ขายอะไหร่รถยนต์ส่งออก ทำมาได้ประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา
ส่วนปมเหตุที่ถูกทำร้าย เพราะสามีคิดว่า ตนทำของไสยศาสตร์ เกี่ยวกับทางด้านมนตร์ดำมหาเสน่ห์ใส่ ซึ่งความเป็นจริงแล้วตนไม่ได้ทำ แต่ถึงอย่างนั้น สามีก็จะมักทำร้ายร่างกายตน เพื่อให้ยอมรับสารภาพว่าทำของไสยศาสตร์ใส่เจ้าตัวให้ได้ ทุกครั้งที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก็ทนเจ็บไม่ไหว ต้องสารภาพโดยที่ไม่เต็มใจว่าเป็นคนทำของใส่ เพื่อจะให้ผู้ก่อเหตุหยุดทำร้าย
โดยผู้ก่อเหตุเริ่มมาทำร้ายหนักขึ้นเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทุบตีทุกวันที่ เมื่อนึกได้ว่าตนไปทำเสน่ห์ใส่ก็จะเอามือทุบตีตามร่างกาย ใบหน้า ศีรษะ ใช้เข็มขัดฟาด นอกจากนี้ เคยก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำครัวฟันตนมาแล้วมากกว่า 10 แผลตามร่างกาย หนำซ้ำยังเคยใช้น้ำร้อนเดือด ๆ สาดใส่ที่ใบหน้าอีกด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนยืนยันได้ว่า ช่วงแรกที่คบหาดูใจกัน ผู้ก่อเหตุเป็นคนนิสัยดีดูแลเอาใจใส่ตนดี แต่พอช่วงหลังเจ้าตัวมีพฤติกรรมดังกล่าว ตนก็ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง หากจะออกไปไหน อยากจะกินอะไร หรือจะโทรศัพท์คุยกับใคร ต้องอยู่ในสายตาของผู้ก่อเหตุตลอด เหมือนตัวต้องติดกัน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุอะไร ถึงทำให้เจ้าตัวมีลักษณะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เพราะในบางครั้งที่ผู้ก่อเหตุทำร้ายตนเสร็จ ก็เหมือนสำนึกผิดและมาขอโทษในภายหลัง
ทำให้ตนตัดสินใจต้องขอความช่วยเหลือกับรุ่นพี่ ที่ค่อยซื้อกับข้าวมาส่งให้ตนที่บ้าน ช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ และลูกของตนมาทำการช่วยเหลือ จนกระทั่งสามีใช้ให้รุ่นพี่ไปซื้อของพอดี รุ่นพี่จึงรีบประสานตำรวจ และญาติ ๆ ไม่นานนักก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และญาติ ๆ เดินทางมาช่วยเหลือนำตัวออกไปจากสามีได้ในที่สุด และได้ไปแจ้งความเรียบร้อยแล้วที่ สน.ประเวศ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับสามีได้ประมาณ 7 วันแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกหวาดระแวง และอยู่ไม่เป็นสุข กังวลว่าสามีจะติดตามหาตัวตนจนเจอ และมารับตัวตนกลับไปอยู่ด้วย จึงอยากวอนขอเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งติดตามคดีของตนโดยเร็ว เนื่องจากตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
น.ส.อุ๋ม (นามสมมติ) ลูกสาวผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนแรกที่รู้จักสามีแม่ซึ่งเป็นชาวอียิปต์ ก็ดูเป็นคนนิสัยดี มักจะคอยอบรมสั่งสอนตนให้เป็นคนดี อีกทั้งจะคอยช่วยเหลือเรื่องของการศึกษา ดูแลค่าเทอม และพยายามสั่งสอนไม่ให้ตนออกนอกลู่นอกทางไปในทางที่ไม่ดี แต่เมื่อรู้เรื่องจากแม่ว่า ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายอย่างหนัก จึงรู้สึกว่าเจ้าตัวทำเกินกว่าเหตุ และไม่คิดทำกับแม่ตนได้ลงคอ เพราะจากการที่ตนเห็นรอยบาดแผลตามร่างกายของแม่กลับพบว่าแม่ถูกผู้ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดทิ่มตามร่างกายหลายแผล
อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังเคยคีบถ่านร้อน ๆ มาจี้ตามร่างกายแม่จนเป็นแผลพุพอง ทำให้ตนรู้สึกทนพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุไม่ไหว หลังมราบเรื่องที่รู้ว่าแม่ต้องการความช่วยเหลือ ตนจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าทำการช่วยเหลือแม่ของตนทันที หลังจากที่ทราบเรื่อง เพื่อความปลอดภัยของตัวแม่เอง