ช็อก! นายดาบเครียดสั่งเสียพี่ฝากดูเมียก่อนยิงตัวดับ ลูกร่ำไห้กราบเท้าลาครั้งสุดท้าย

กรณีดาบตำรวจพิศิษฐ์ หรือ ดาบหลิน อายุ 43 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ใช้อาวุธปืน ยี่ห้อกล็อก ขนาด 19 มม. ยิงตัวตายที่ห้องสืบสวน ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 2 ภายในสน.พลับพลาไชย 2 ถนนพลับพลาไชย แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เวลา 17.05 น. ของวันที่ 13 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 14 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ติดต่อไปยัง ผกก.ของสน.พลับพลาไชย เเต่ขอยังไม่ให้รายละเอียดใด ๆ เเละแจ้งว่าได้ชี้เเจงเหตุกับทาง พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เเล้ว

จากการสอบถามข้อมูลจากเพจดาวแปดแฉก แหล่งข่าววงในตำรวจ เปิดเผยว่า ในวันนี้ เวลาประมาณ 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีการเเถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เบื้องต้นมีรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดเหตุดาบตำรวจนายดังกล่าวมาสาย ซึ่งในที่ประชุมก็ไม่มีใครตำหนิ แต่ดาบตำรวจนายดังกล่าวเดินไปด้านหลัง จากนั้นตำรวจที่ประชุมอยู่ได้ยินเสียงอาวุธปืน 1 ครั้ง จึงรีบไปดูพบว่าดาบตำรวจนายดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง จึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล โดยตำรวจต่างพูดกันว่าดาบตำรวจนายนี้มีอาการป่วยและมีปัญหาส่วนตัว

เวลา 09.15 น. ครอบครัวเเละญาติของดาบตำรวจหลิน ได้เดินทางมาที่ สน.พลับพลาไชย เเละทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณตามความเชื่อ ทั้งนี้ ตำรวจไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศด้านใน หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที ครอบครัวของดาบตำรวจเดินออกจากห้องสืบสวน เเละยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว เบื้องต้น จากการสอบถามสถานที่จัดงานศพ ญาติยังบอกว่าไม่ทราบว่าจะไปจัดงานที่วัดใด ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน คาดว่าในเวลา 11.00 น. จะมีการนิมนต์พระมาทำบุญที่ห้องสืบสวน เเละจะมีพิธีเชิญดวงวิญญาณดาบตำรวจนายดังกล่าว

ในวันเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ครอบครัวเเละญาติ พี่สาว น้องสาว ภรรยา เเละลูกชาย 2 คนของดาบตำรวจพิศิษฐ์ ศรีสง่าพงศ์ อายุ 43 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวนสน.พลับพลาไชย 2 ได้เดินมาเพื่อรอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลศพที่วัดมหาบุศย์ (แม่นาคพระโขนง)

นางกนกลักษณ์ ทองชัย อายุ 46 ปี พี่สาวของดาบตำรวจ เปิดเผยว่า เมื่อเช้าที่ตนไปที่สน.พลับพลาไชย ก็มีการให้ปากคำเพิ่มเติม เเละได้พูดคุยกับผู้บังคับบัญชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเละก็ได้เชิญวิญาณของน้องชายกลับบ้าน โดยนำชุดราชการตำรวจของน้องชายมาด้วย เพราะว่าน้องชายรักในอาชีพนี้มาก ๆ น้องชายทำงานที่นี้มานาน 3 ปีเเล้ว

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อช่วงเช้าก็ไม่พบว่าน้องชายมีปัญหาเรื่องงาน เจ้านายรัก เพื่อนร่วมงานก็รัก ตนคาดว่ามูลเหตุของการปลิดชีพตัวเองอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพ เนื่องจากน้องชายมีโรคประจำตัวหลายโรค ได้แก่ เบาหวาน ความดัน ต้องกินยาจำนวนมาก เเละเมื่อ 1-2 ปีก่อน ยังมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ จนทำให้เเขนขาอ่อนเเรง เเต่ก็รักษาจนอาการดีขึ้นเเล้ว ส่วนจะมีปัญหาเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวอื่น ๆ น้องชายไม่ได้คุยให้ตนฟัง รื่องหนี้สินก็ไม่มี หรือหากมี ครอบครัวก็พร้อมจะช่วยเหลือเสมอ ขณะนี้ตนจึงไม่รู้ว่าลึก ๆ มีเรื่องเครียดอะไรกันเเน่

สำหรับนิสัยใจคอของน้องชายเป็นคนใจกว้าง คุยเก่ง ย้ายออกจากบ้านมาอยู่ที่สน.พลับพลาไชย นานเเล้ว ประมาณ 3 ปี เนื่องจากจะได้ใกล้ที่ทำงาน ซึ่งบางครั้งเวลากลับบ้านเขาก็ชอบซื้อขนมมาฝากคนในครอบครัว นอกจากนี้ น้องชายเเละภรรยาก็ยังรักกันดี ไม่ได้มีปัญหา เรื่องคนในครอบครัวเเน่นอน เพราะน้องชายรักลูกชายเเละภรรยามาก ๆ 

"ตอน 4 โมงเย็น ดาบหลินได้โทรมาหาตามปกติ ตอนนั้นเราเองก็อยู่กับน้องสาว น้องชายโทรมาบอกว่าเครียด เพราะต้องอยู่คนเดียว เเละไม่ได้กลับบ้าน จนน้องชายบอกว่าจะไปแล้วนะ ตอนนั้นเราก็ไม่เอะใจว่าจะเป็นการบอกลา เรายังบอกน้องอยู่เลยว่ามีอะไรก็กลับบ้านได้ พอวางสายไปช่วง 5 โมงเย็น ภรรยาของน้องชายก็โทรมาบอกว่า เขายิงตัวเองแล้ว ตอนนั้นก็ยังคิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง เเต่พอมาถึงโรงพยาบาลน้องชายก็เสียชีวิตเเล้ว ตอนนี้ทางคุณเเม่ทราบเรื่องเเล้ว ยังอยู่ในอาการช็อก" นางกนกลักษณ์ พี่สาว กล่าว 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ดาบเบนโตะ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี เพื่อนร่วมงานของดาบหลิน กล่าวว่า ตนเเละดาบหลิน ทำงานคู่กันมานับสิบปีเเล้ว เขาเป็นตำรวจน้ำดี ขยันขันเเข็ง ใส่ใจเรื่องงาน เจ้านายรัก เพื่อนร่วมงานรักทุกคน ความกดดันจากการทำงานคงไม่น่าจะใช่สาเหตุทำให้ยิงตัวตาย 

ส่วนนิสัยใจคอของดาบหลิน เป็นคนร่าเริง คุยเก่ง เเต่ไม่เคยเล่าเรื่องปัญหาความเครียดอะไรให้ตนฟัง ไม่มีปัญหาหนี้สิน เเต่ก็พอจะรู้ว่าเขามีปัญหาสุขภาพ เเต่จะเกี่ยวกับการทำงานเเล้วโรคประจำตัวกำเริบระหว่างทำงานหรือไม่ ตนไม่มั่นใจ เพราะเขาทานยาเยอะตลอด กระทั่งวันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในช่วงที่เกิดเหตุ เพราะไปทำธุระส่วนตัว มาทราบเรื่องภายหลัง ยอมรับว่าตกใจมาก ๆ เพราะเขาไม่เคยมีพฤติกรรมที่จะปลิดชีพตัวเองมาก่อน

อย่างไรก็ตาม ตนรักน้องชายคนนี้มาก ๆ รู้สึกเสียใจเเละเสียดายตำรวจฝีมือดี ๆ เพราะดาบหลินเป็นตำรวจที่ดีมาก เวลามีงานโทรศัพท์เรียกหาได้ตลอด ทำงานสำเร็จลุล่วงรวดเร็ว เเม้ตอนนี้ตำรวจจะทำงานอย่างยากลำบากก็ตาม จนผู้บังคับบัญชาไว้ใจ ตอนนี้น้องจากไปแล้วตนก็ขอให้น้องไปสู่สุคติอย่างสงบ 

เวลาประมาณ 16.00 น. ญาติผู้เสียชีวิตได้นำศพดาบตำรวจพิศิษฐ์ อายุ 43 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.พลับพลาไชย 2 จากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ มายังวัดมหาบุศย์ เพื่อทำพิธีสงฆ์ ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดมหาบุศย์ ซอยสุขุมวิท 77 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพ

ทั้งนี้ รถรับศพของดาบตำรวจพิศิษฐ์ เดินทางมาถึงวัด ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติ ๆ ในวันนี้ทางญาติของดาบหลิน ประกอบด้วยภรรยา และลูกชายทั้ง 2 คน รวมถึงพี่น้อง ได้ช่วยกันแต่งตัวให้กับดาบหลิน ด้วยการสวมเครื่องแบบตำรวจชุดกากีปฏิบัติงานแบบเต็มยศ และลูกชายสวมรองเท้าหุ้มข้อให้กับพ่อ และก้มกราบที่เท้า ขอขมาพ่อเป็นครั้งสุดท้าย

โดยมีครอบครัว ญาติพี่น้อง แม่ของดาบหลิน และเพื่อนร่วมงาน รวมไปถึง พ.ต.อ.เดโช สมศรีธนาเดช ผกก.กองบังคับการ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ร่วมในพิธีรดน้ำศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ทั้งนี้ พิธีฌาปนกิจศพดาบตำรวจพิศิษฐ์ จะจัดในวันที่ 16 พฤศจิกายน 64 

นางนก (นามสมมติ) ภรรยาของดาบหลิน เปิดเผยว่า ตนติดต่อกับสามีครั้งสุดท้ายคือวันที่ 15 พ.ย. 64 สามีกับตนมักคุยกันทางโทรศัพท์อยู่สม่ำเสมอ ในวันเกิดเหตุสามีบ่นเรื่องสุขภาพ ตนจึงให้กำลังใจไป แต่สามีได้พูดว่า “ฝากลูกด้วย” ตนไม่ได้คิดว่าสามีจะคิดสั้น คิดว่าเป็นการคุยโทรศัพท์ตามปกติ ตนเห็นสามีเงียบ ๆ ไป เลยโทรหาสามีแต่ไม่ได้รับสาย และครั้งสุดท้ายสามีโทรมาหาแต่ตนก็ไม่ได้รับสาย เพราะตนก็ทำงานเหนื่อยและเผลอหลับไป

ที่ผ่านมาสามีเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี รักครอบครัวมาก ๆ และเป็นพ่อที่ดีของลูก ตนอยากให้สามีไปสบาย ส่วนตนจะดูแลลูกให้ดี ส่วนสาเหตุการตายนั้นปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ เพราะตนไม่ทราบเรื่องภายในหรือทางด้านคดีความใด ๆ โดยส่วนตัวแล้วตนและครอบครัวไม่ติดใจการเสียชีวิตของสามี เพราะสามีมีปัญหาทางด้านสุขภาพ มีโรคประจำตัวหลายโรค เช่น ความดัน หัวใจ รวมถึงโรคซึมเศร้า สามีทานยาจำนวมากเป็นประจำ จึงคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สามีคิดสั้นหรือไม่