จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" ออกมาโพสต์ภาพเด็กชายวัย 5 ขวบ ซึ่งอยู่ในสภาพอิดโรย เบ้าตาช้ำจากการโดนทำร้ายร่างกาย และทางเพจมีการระบุข้อความว่า "เด็ก 5 ขวบถูกพ่อเลี้ยงและแม่แท้ๆทำร้ายร่างกายมานานหลายเดือน เด็กทุบตีลูกจนปางตาย โดนจับยัดพริกป่นกรอกปาก จับหน้ากดน้ำ บังคับกินขี้ กินเยี่ยว เพื่อนบ้านไปแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ตำรวจบอกยังไม่สามารถดำเนินคดีได้ รอหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จ๊ะ.....พ่องงงงงง"
วันที่ 27 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังคอนโดฯ ของพ่อเลี้ยงและแม่ ทราบชื่อพ่อเลี้ยงคือ นายปิง อายุประมาณ 25 ปี และแม่ของเด็กทราบชื่อ นางสาวการ์ตูน อายุประมาณ 24 ปี ทั้งคู่เป็นอดีตพนักงานค่ายโทรศัพท์แห่งหนึ่ง พักที่คอนโดฯ ได้ประมาณเกือบ 1 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 8-9 เดือน
นายชัย (นามสมมติ) คนรู้จักของพ่อแม่เด็ก บอกว่า ทั้งคู่ได้ย้ายออกไปประมาณปลายเดือนตุลาคม 2564 ไม่มีใครทราบว่าไปพักอยู่แถวไหน ส่วนเด็กที่โดนทำร้ายทราบชื่อน้องฮีโร่ อายุ 6 ขวบ เป็นลูกติดของนางสาวการ์ตูนกับสามีเก่า ซึ่งล่าสุดเพื่อนของแม่เด็กนางสาวกวาง ได้ช่วยเหลือน้องฮีโร่ด้วยการพาไปอยู่ที่บ้านใน จ.อ่างทอง ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 2564 และวันที่ 5 กันยายน 2564 ได้พาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอ่างทอง พร้อมประสานให้คุณตาหรือพ่อของนางสาวการ์ตูนที่อยู่ จ.ภูเก็ต ทราบเรื่อง และพาเด็กไปแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2564 พาเด็กไปเลี้ยงดูที่ จ.ภูเก็ต เรียบร้อยแล้ว
โดยน้องฮีโร่โดนทำร้ายมาโดยตลอด แต่จะมีอยู่แค่ 2 ครั้งคนอื่นมีโอกาสได้เห็นและคุยกับเด็ก โดยครั้งแรกคือช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ตนและเพื่อนข้างห้องได้ยินเสียงน้องฮีโร่โดนทำร้าย เสียงทุบตีและเสียงร้องดังออกมาเรื่อย ๆ จึงพยายามตะโกนบอกผ่านประตูว่าให้หยุดทำร้ายลูก แต่ก็ไม่เป็นผล นางสาวกวาง จึงออกอุบายทำทีบอกว่าซื้อขนมมาฝาก เพื่อจะหลอกล่อให้แม่เด็กเปิดประตู และจะได้เห็นสภาพในห้อง แต่โชคดีว่าวันนั้นทั้ง 2 คนไม่อยู่ มีเพียงแค่น้องฮีโร่ที่กำลังเลี้ยงลูกสาวของทั้งคู่อยู่ในห้อง จึงมีโอกาสได้เห็นสภาพน้องฮีโร่ในสภาพตาเขียวช้ำ ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับถามว่าทำไมอยู่ในสภาพนี้ เด็กก็ตอบว่า "ผมดื้อ ผมซนครับ พ่อแม่ก็เลยทำโทษครับ"
หลังจากนั้น ตนและคนในคอนโดฯก็พยายามถามกับนางสาวการ์ตูนและนางปิงว่าทำอะไรกับลูก แต่ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นคนอารมณ์รุนแรง จึงตอบกลับมาว่า "ไม่ได้ทำ เด็กมันซนแล้วลื่นล้มเอง" แล้วหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ทำตัวเป็นศัตรูกับทุกคนในคอนโดฯ อาทิ ชักสีหน้าใส่ ไม่พูดด้วย พูดหยาบคาย ทุกคนจึงพยายามสอดส่อง แต่กลายเป็นว่าหลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครเห็นเด็กออกมานอกห้องอีกเลย มีเพียงแค่คนได้ยินเสียงร้องไห้ ขอความช่วยเหลือของเด็กดังออกมาเรื่อย ๆ แต่แม่เด็กอ้างว่าที่ทำไปเพราะใช้สิทธ์ของความเป็นแม่ และอ้างว่าใครที่ไม่ได้เลี้ยง ก็จะไม่รู้ว่าเด็กซนจริง ๆ
ทำให้ตนและคนในคอนโดฯ พยามติดต่อไปยังมูลนิธิต่างๆ เช่น มูลนิธิปวีณาหงส์สกุล และ ดร.บุ๋ม ปนัดดา แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะไม่ได้รับการตอบรับจากทั้ง 2 หน่วยงาน ตนก็เข้าใจว่าทางหน่วยงานอาจจะมีเรื่องร้องเรียนเยอะ รวมถึงมีการโทรไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือบอกให้ตนแจ้งอีกครั้งเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นซึ่งหน้า จนกระทั่งปลายเดือนสิงหาคม 2564 ตนทราบมาว่านายปิงตกงาน อาจจะทำให้เกิดความเครียดแล้วเอามาลงกับน้องฮีโร่ เพราะทุกคนที่อยู่ใกล้ห้องเริ่มได้ยินเสียงเด็กร้องหนักขึ้น จึงพยายามหาวิธีห้ามปราม โดยเฉพาะนางสาวกวาง เพื่อนของนางสาวการ์ตูน ก็พยายามหาวิธีเข้าไปในห้องเพื่อช่วยเหลือเด็ก
จนกระทั่งช่วงต้นเดือนกันยายน นางสาวกวางมีโอกาสได้เข้าไปในห้องของทั้งคู่ แล้วก็คุยเรื่องสัพเพเหระไปสักพัก ก่อนที่จะออกอุบายว่าจะขอพาน้องฮีโร่ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเปิดหูเปิดตา ซึ่งนางสาวการ์ตูนก็ยอม เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน ทำให้นางสาวกวางใช้โอกาสนี้พาน้องฮีไร่ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอ่างทอง ประสานคุณตา เพื่อพาเด็กเข้าแจ้งความ ก่อนจะพาเด็กไปดูแลต่อที่ จ.ภูเก็ต ส่วนตัวนายชัย มองว่าเหตุผลที่ทั้งคู่ทำแบบนี้อาจเกิดจากการรักลูกไม่เท่ากัน เนื่องจากทั้งคู่มีลูกด้วยกัน อยู่ด้วยกัน จึงต้องเอาใจและแสดงให้สามีเห็นว่ารักลูกที่มีด้วยกันมากกว่าลูกอีกคนที่มีกับสามีเก่า จึงแสดงพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับน้องฮีโร่
ทั้งที่จริงแล้ว น้องฮีโร่ไม่สมควรจะโดนอะไรแบบนี้เลย เพราะเป็นเด็กไม่ซน น่ารัก จิตใจดี ช่วยดูแลน้องสาววัย 8-9 เดือน ในช่วงที่ทั้ง 2 คนไปทำงาน เป็นเด็กมีสัมมาคารวะ เจอผู้ใหญ่ก็ยกมือไหว้สวัสดีตลอด ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม ทุกคนในคอนโดฯต่างพากันเอ็นดู จึงอยากขอบคุณนางสาวกวางและคุณตาน้องที่พาเด็กไปเลี้ยงดูต่อ
นางสาวกวาง อายุ 30 ปี เพื่อนของแม่เด็ก คนที่ช่วยเหลือน้องฮีโร่ เปิดใจว่า ช่วงแรกตอนต้นปี 2564 ถึงเดือนเมษายน 2564 เหตุการณ์ในครอบของน้องฮีโร่ทุกอย่างยังปกติ น้องเป็นเด็กน่ารัก ขยัน พูดจาเพราะ มีหางเสียง ส่วนบุคลิกนิสัยของพ่อเลี้ยงจะเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูด ช่วงพฤษภาคม 2564 ก็เริ่มมีเสียงเอะอะโวย เสียงดุด่าออกมาจากห้อง
ทั้งนี้เวลาที่ตนเข้าไปช่วยเลี้ยงลูกคนเล็กของนางสาวการ์ตูน ตนยังเห็นอีกว่า 2 คนนี้พยายามที่จะบังคับให้น้องฮีโร่กินพริกป่น จับกดน้ำ โดยอ้างว่าลูกดื้อ ไม่เชื่อฟัง จึงต้องทำโทษ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1-2 กันยายน 2564 ตนทำว่าจะขอเข้าไปนั่งเล่นไปช่วยเลี้ยงลูกของทั้งคู่ในห้อง ทำให้ทั้งคู่ยอมให้ตนเข้าไป ตอนนั้นตนจึงใช้โอกาสอาบน้ำให้กับน้องฮีโร่ เห็นว่าตามร่างกายของน้องมีแผลทั้งเก่าและใหม่เต็มตัวไปหมด จึงตัดสินใจออกอุบายขอพาน้องไปเที่ยวที่บ้าน จ.อ่างทอง อยากให้น้องได้เปิดหูเปิดตา เห็นว่าอยู่แต่ในห้องหลายวันแล้ว ส่วนภาพที่เห็นว่าตาเขียวนั้นเกิดจากพ่อเลี้ยงใช้เท้าเตะที่หลังน้อง แต่น้องพยายามหลบก็เลยไปโดนเบ้าตา
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 ตนได้พา น้องฮีโร่เข้าตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอ่างทอง ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่น้อยกว่า 4 เดือนหากไม่มีข้อแทรกซ้อน และต้องให้เลือด 2 ถุง ซึ่งพบว่าผลการตรวจชันสูตรมีดังนี้
1.รู้สึกตัวปกติ
2.พบรอบฟกช้ำบริเวณหน้าท้องขนาดขวาบน ซ้ายบนและซ้ายล่าง
3.พบรอยฟกช้ำบริเวณแขน ขา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-10 ซม. มากกว่า 10 ตำแหน่ง
4.พบภาวะเลือดจาก ความเข้มข้นของเลือดอยู่ที่ 18
4.ซี่โครงซีที่ 5,7,10,11 หัก
5.กระดูกเชิงกรานหัก
6.เลือดออกในสมองส่วนหน้า
7.มีรอยฟกช้ำบริเวณผิวหนังกะโหลกส่วนหน้า
8.ตับฉีกขาดและมีเลือดออกในช่องท้อง
และในช่วงเช้าของวันที่ 11 กันยายน 2564 ตาของน้องก็เดินทางมาถึง จึงนำใบผลชันสูตรและพาน้องไปแจ้งความกับนางสาวการ์ตูน และนายปิง ไว้ที่ สน.สุทธิสาร ข้อหาทำร้ายร่างกาย
ด้าน นางสุภาพร นาทศรี อายุ 45 ปี ยายเลี้ยง กล่าวว่า ตนเลี้ยงหลานชายคนนี้มาตั้งแต่เด็กเด็กจนโตป่านนี้ ยังไม่เคยทำอะไรหลานชายเลย ทำไมคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงทำได้กับลูกอย่างนี้ เอายางหนังสติ๊กรัดอวัยวะเพศ บีบคอ จับขาชูขึ้นให้หัวห้อยลงพื้น กระทืบจนซี่โครงหัก 4 ซี่ เตะจนสลบคาตีน และบังคับให้หลานชายกินอ้วกกินขี้กินเยี่ยว ทำได้อย่างไร
ถ้าทำผิดพ่อเลี้ยงไม่พอใจกินอาหารไม่หมดก็ต้องบังคับให้กินให้หมด ถ้ากินหมดแล้วอ้วกก็จะให้กินอ้วกกลับเข้าไปอีก ส่วนขี้เป็นขี้ของพ่อเลี้ยงที่บังคับให้หลานชายต้มกินเข้าไป คนเป็นแม่ก็ไม่เคยห้ามปราม และปล่อยให้ทำร้ายลูกในใส้ของตัวเองได้
Advertisement