จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 7 เม.ย. 65 พ.ต.ต.อุทิศ พาราษฎร สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุแทงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ในโครงการเอื้ออาทร ขจรวิทย์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.บางพลี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
บริเวณหน้าตึก 39 เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้นำ นายกิตติ เมาะราสี อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บ มีแผลถูกของมีคมแทง บริเวณกกหู 1 แผล หลัง 2 แผล และตามตัวด้านหน้าอีกหลายแห่ง หน้าห้องเกิดเหตุ พบนายบี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นั่งอยู่ในสภาพเสื้อผ้า และเนื้อตัวเปื้อนเลือด ภายในห้องพบร่างนางสาวจีรพา ปาพรหม อายุ 53 ปี นอนหงายเสียชีวิตที่บริเวณหน้าห้องน้ำ
ภายในห้องยังพบเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกสาวของนางสาวจีรพา กำลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนอยู่ โดยให้การรับสารภาพว่าให้แฟนมาฆ่าแม่ เพราะแม่กีดกันความรัก ฝ่ายชายไม่ผิด และตนมีอาการทางจิตและจิตตกนั้น ส่วนฝ่ายชายบอกว่าแฟนสาววางแผนให้จัดการฆ่าแม่ของเขาเอง พร้อมกับพี่ชาย แต่แม่ออกจากห้องน้ำมาก่อน
นายกิตติ เมาะราสี หรือ ก๊อต อายุ 23 ปี พี่ชายของ ด.ญ.เอ ที่ถูกแทง เปิดใจทั้งน้ำตาถึงวินาทีชีวิต บอกว่าตนเองนอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงแม่ร้องจึงพยายามเปิดประตูออกมาแต่น้องสาว ดันประตูไว้ตนเองจึงผลักออกไปและวิ่งเข้าไปช่วยแม่ เนื่องจากเห็นแฟนของน้องสาวกำลังจ้วงแทงแม่ตนเองจนล้มลง ด้วยความเป็นห่วงแม่จึงเอาตัวเข้าไปขวาง แต่กลับถูกแทงเข้าตามใบหน้าลำคอ จึงพยายามออกร้องเรียกให้คนช่วย กระทั่งมีคนเข้ามาให้การช่วยเหลือ
ซึ่งตอนเกิดเหตุ ตัวน้องสาวเองไม่มีทีท่าจะห้ามแฟนหนุ่ม แต่กลับมาขวางตนเองที่กำลังจะไปช่วยแม่ ด้วยความเสียใจ ตนเองก็พยายามถามว่า "ทำไป ทำไม" แต่น้องสาวกลับไม่ยอมตอบ สำหรับสาเหตุลึก ๆ ตนเองมองว่าน่าจะเป็นเพราะน้องสาวกับแฟนไม่พอใจที่ตนเองกับแม่ได้ไปรับตัวน้องสาวกลับจากบ้านแฟนหนุ่ม ซึ่งตอนนั้นแฟนหนุ่มบอกจะรับเลี้ยงดูน้องสาว ตนเองจึงต่อว่าไปว่าอายุยังน้อยและยังเรียนอยู่ แม่ก็บอกว่าให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน ก่อนที่จะพาน้องสาวกลับมาบ้านตนเองก็ยึดโทรศัพท์ไม่ให้น้องติดต่อกับแฟน แต่ไม่รู้ว่าน้องสาวเอาโทรศัพท์ใครไปติดต่อแฟนหนุ่ม และนัดแนะกันก่อเหตุ
ส่วนตัวเชื่อว่าน้องสาวไม่ได้วางแผนก่อเหตุเพียงคนเดียว และที่น้องอ้างว่าเป็นโรคจิตนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่องนี้ รู้แต่ว่าน้องสาวเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ได้มีอารมณ์รุนแรงแต่อย่างใด ตนยอมรับว่ารักน้องสาวมาก ตนเองออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ป.3 มาช่วยแม่ทำงาน หาเลี้ยงน้อง ช่วยแม่หาเงินส่งน้องสาวเรียนใช้ชีวิตด้วยกัน 3 คนมาตลอด แม่ก็รักน้องสาวมากเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาถึงน้องสาวจะมีปากเสียงกับแม่ แม่ก็ไม่เคยถึงขั้นดุด่ารุนแรง แต่จะเป็นลักษณะแม่สอนลูกเพราะห่วงน้องสาวเรื่องเรียน
สำหรับเรื่องคดี หากน้องสาวจะถูกดำเนินคดีนั้นก็ให้เป็นตามขั้นตอนทางกฎหมาย หลังจากนี้ ตนเองก็คงจะกลับไปอยู่ห้องนั้นอีก เพราะอยู่กับแม่กับน้องมาตลอด และเมื่อน้องพ้นโทษออกมาจะกลับมาอยู่กับตนเองได้ไหมนั้น ตนเองตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้ตนเองก็สับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนศพของแม่ก็จะรับไปบำเพ็ญกุศลที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่
สำหรับนางสาวจีรพา มีอาชีพทำงานฟรีแลนซ์เกี่ยวกับงานวิจัย รายได้ประมาณ 1-2 หมื่นบาท มีค่าใช้จ่ายค่าผ่อนห้องเดือนละ 3,000 บาท ค่าส่วนกลางเดือนละ 500 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ และต้องจ่ายเงินให้ ด.ญ.เอ ไปโรงเรียนวันละ 100 บาท รวมค่าวินรถไปกลับ
ส่วนนายกิตติ มีอาชีพเป็น รปภ.โรงงานใน ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เงินเดือน 13,000 บาท เงินเดือนที่ได้มายกให้แม่ทั้งหมด เพื่อช่วยส่งน้องสาวเรียนหนังสือ ส่วน ด.ญ.เอ เรียนอยู่มัธยม 2 ใน จ.สมุทรปราการ
เมื่อเวลา 17.20 น. นายกิตติ ลูกชายผู้เสียชีวิต เดินทางกลับมาที่ห้องพัก เพื่อขอทางนิติบุคคล เปิดห้องเนื่องจาก จะเข้าไปเก็บของและเอกสารสำคัญ ซึ่งขณะที่นิติบุคคล เปิดห้องออกมา กลิ่นคาวเลือด ก็ฟุ้งออกมา จนทำให้ นายกิตติทนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว แล้วก็ขอปิดห้องอยู่คนเดียวบอกว่า "คิดถึงแม่" เลือดของแม่ที่ติดอยู่ที่พื้นห้อง ไม่อนุญาตให้ใครทำความสะอาด นอกจากตัวเองเท่านั้น โดยวันนี้ใช้เวลาอยู่ในห้องคนเดียวประมาณ 1 ชั่วโมง
โดยก่อนจะเดินทางกลับ นายกิตติได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวทิ้งท้ายไว้ว่า วันพรุ่งนี้ตนเองและญาติจะเดินทางไปรับศพแม่ ที่โรงพยาบาล และจะเหมารถมูลนิธิกู้ภัยนำร่างแม่กลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสันศรี ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ ขอขอบคุณ เพจ "ฅนข่าว ต้นปราการ" ที่เปิดรับบริจาคและทุกคนที่โอนเงินเข้ามาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายนำร่างแม่กลับบ้านเกิด ยอดเมื่อเวลา 18.16 น. ในบัญชีอัปเดตจำนวน 179,072 บาท
Advertisement