จากกรณีคลิปเสียงที่ถูกระบุว่าคล้ายกับพระพงศกร จันทร์แก้ว หรือ พระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดังที่ จ.นครศรีธรรมราช มีความพัวพันกับสีการายหนึ่ง จนกลายเป็นข่าวที่ถูกให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมทั้งมีภาพบันทึกหน้าจอที่ระบุว่าเป็นการพูดคุยระหว่างสีกากับพระรายหนึ่งนั้น
วันที่ 30 เม.ย. 65 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่วัดเพ็ญญาติ บรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา มีชาวบ้านหลายคนจากต่างจังหวัดเข้ามาร่วมทำบุญที่วัด ส่วนกุฏิของพระกาโตะก็ยังคงปิดเงียบ มีประตูเหล็กที่มีเเม่กุญแจล็อกคล้องไว้ แต่ไม่ได้ล็อก ส่วนห้องนอน ห้องทำงานของพระกาโตะถูกล็อกกุญแจไว้ จากการสอบถามพระและเด็กในวัดทราบว่า ไม่มีใครสามารถเปิดประตูได้ เพราะกุญเเจอยู่ที่พระกาโตะ ส่วนกล้องวงจรปิดของวัด ก็จะต้องดูในห้องทำงานท่านเท่านั้น
นางสาวเตย ติดต่อมายังทีมข่าวทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ ทีวี เพื่อขอชี้แจงบางประเด็น หลังจากที่พระย้อยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการทุบโต๊ะข่าวว่ามีหลักฐานเด็ด บอกว่า ตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มทักข้อความเฟซบุ๊กไปหาพระย้อยก่อน ตามที่พระย้อยอ้าง แต่พระย้อยคือฝ่ายที่ทักข้อความมาหาตัวเองก่อน ตัวเองมีหลักฐานการสนทนาทางเฟซบุ๊กยืนยัน พระย้อยส่งข้อความทางเฟซบุ๊กมาหาตัวเอง เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 เวลา 23.53 น. ทักมาหาตัวเองเรื่องขอทำบุญบริจาค จากนั้นตัวเองก็พูดคุยกับเขาปกติ ไม่ได้ขอร้องไห้เขามาช่วยเหลือตัวเองแต่อย่างใด พระย้อยก็พิมพ์มาต่อว่า "ทุกข์ใจตรงไหน เดี๋ยวพระอาจารย์ช่วยให้คำปรึกษา เพื่อหาทางออก พร้อมกับแนบเบอร์โทรมาให้ตัวเอง"
จากนั้นตัวเองก็ได้มาคุยแชตกับพระย้อยต่อในไลน์ ส่วนหลักฐานพวกคลิปเสียง และแชตต่าง ๆ ที่ตัวเองส่งให้พระย้อยนั้น ตัวเองขอยืนยันว่าตอนที่ส่งหลักฐานดังกล่าวนั้น ยังมีอาการป่วยไบโพลาร์ และเพิ่งทานยา ตัวเองยังไม่รู้ตัวเลยตอนนั้นว่าส่งหลักฐานคลิปเสียงและแชตไปให้ใครบ้าง แต่จุดประสงค์ที่ตัวเองส่งให้พระย้อย ตัวเองรู้สึกผิดที่ได้ทำบาปลงไป ทั้งนี้ ก็อยากให้พระย้อยส่งหลักฐานชุดนั้นไปให้พระผู้ใหญ่มากกว่า แต่เขากลับส่งไปให้นักข่าว จุดประสงค์ตัวเองไม่ได้อยากเป็นข่าว ตัวเองไม่ได้เป็นคนหิวแสง
ส่วนสังคมสงสัยว่าคลิปเสียงการสนทนาที่มีการพูดคุยระหว่างชายหญิงนั้นจริงหรือไม่ ตนไม่ขอตอบเรื่องนี้ แต่ที่ติดต่อมาหาผู้สื่อข่าว เพราะตัวเองดูบทสัมภาษณ์ที่พระย้อยให้สัมภาษณ์แล้วทนไม่ไหวจริง ๆ ที่พระย้อยบอกว่าที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าพฤติกรรมพระรูปดังกล่าวในคลิปเสียงไม่เหมาะสม ทำไมเขาไม่ไปร้องเรียนพระผู้ใหญ่ ทำไมเขาต้องเอาเรื่องราวมาเป็นข่าว เพราะเจตนาของตัวเองที่ส่งคลิปเสียงหลักฐานต่าง ๆ ให้พระย้อยนั้น ตัวเองสำนึกผิดจากทุกอย่าง จึงอยากทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ส่วนคลิปเสียงที่ออกมาเรื่อย ๆ ทุกวัน ไม่รู้ว่าเหลืออีกกี่คลิปนั้น ตัวเองก็ไม่กังวล ถ้าหากจะปล่อยคลิปมาเรื่อย ๆ เพื่อกลั่นแกล้งหรือสาเหตุใดก็ตาม ก็ให้เขาทำไปได้เลย ส่วนที่พระย้อยให้สัมภาษณ์ว่าเขามีหลักฐานเป็นการอัดคลิปตอนวิดีโอคอลกับตัวเอง อาจเป็นหลักฐานเด็ดของเรื่องนี้นั้น ตัวเองก็ขอชี้แจงว่ามีการโทรพูดคุยทางการโทรไลน์กับพระย้อยจริง แต่ไม่ได้เป็นการวิดีโอคอลแต่อย่างใด เป็นการโทรคุยกันเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 65 เวลาประมาณเที่ยงคืน ก่อนจะโทรไลน์กับพระย้อยวันนั้นตัวเองก็จำได้ว่ากินยาไบโพลาร์ไปแล้วช่วงประมาณ 21.00 น. ตัวเองก็ไม่มีสติเท่าไรตอนที่โทรคุยไลน์กับพระย้อย แต่ถ้าในอนาคตพระย้อยจะเอาคลิปดังกล่าวมาเปิด ตัวเองก็ท้าให้เขาเอามาเปิดเลย
ส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าคลิปเสียงไม่สามารถทำขึ้นเองได้ เหมือนที่ตัวเองยอมรับว่าทำหลักฐานขึ้นเองทั้งหมดนั้น ตัวเองก็พร้อมให้พิสูจน์ทุกอย่างตามกระบวนการ รื่องบันทึกรายการโอนเงินที่มีคนโอนเงินเข้าบันชีตัวเองนั้น ตัวเองก็พร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่าง แล้วแต่กระบวนการของศาสนา ยินดีให้ตรวจสอบทุกอย่าง ฝากถึงพระย้อยว่า "ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเตยอีก ทุกอย่างเตยได้เคลียร์หมดแล้ว เราไม่เคยทำอะไรให้กัน ก็อย่ามาทำร้ายกันเลย" ส่วนตอนนี้ตัวเองก็ไม่ได้ติดต่อพระรูปดัวกล่าวในคลิปเสียงแล้ว และตัวเองจะไม่ขอพูดเรื่องเกี่ยวกับพระรูปนั้นแล้ว
นางสาวเตยส่งแชตเฟซบุ๊ก ระหว่างพระย้อยกับตัวเองให้ทีมข่าวดูเพื่อเป็นหลักฐาน แชตหน้าที่ 1 เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 เวลา 23.53 น. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งส่งข้อความไปหานางสาวเตยว่า "ต้องการรับบริจาครับ #ผ้าห่อศพด่วนๆ จำเป็นจริง ที่ทางวัดช่วย เหลือ หมดจริงๆ ตอนนี้ไม่มี #เลยบอกบุญคนละนิดต่อบุญ สร้างกุศลด้วยกันครับ พร้อมกับทิ้งเลขบัญชีและที่อยู่"
จากนั้นนางสาวเตย ได้ตอบกลับว่า "เรื่องเตยนะมันอธิบายไป ไม่มีใครเข้าใจหรอกและจะเป็นข่าวดังมากๆ เพราะเป็นเรื่องที่เป็นข้อห้าม และบาปที่สุดในชีวิตแล้ว" จากนั้นนางสาวเตยก็ได้พูดถึงเรื่องทุกใจ ทั้งหนี้สิน และการงานว่า "หลักๆเรื่องงาน หนี้สิน ที่จะโดนยึดเพราะไปอยู่นครศรี บ้านแม่ เพื่อรักษาไบโพล่า3เดือน ไม่ได้ทำงานบวกกับควบคุมอาการของโรค กำลังค่อยๆทยอยแก้ปัญหาค่ะ"
อีกฝ่ายตอบกลับว่า "ทุกข์ใจ ตรงไหน เดียวพระอาจารย์ช่วยให้คำปรึกษา เพื่อหาทางออกให้ได้บ้างครับไม่ต้องเสียใดๆ พระอาจารย์ยินดีช่วยฟรี ถ้าช่วยได้ครับ" พร้อมกับแนบเบอร์โทรไว้
Advertisement