คดีพลิกแม่ขาด้วนโวยร้านโอเกะขังลูกเจอลากไส้ปล่อยผัวใหม่ย่ำยี 3 ปีไม่ปริปาก (คลิป)

จากกรณีครอบครัวหนึ่ง ร้องเรียนผ่านสื่อมายังอมรินทร์ ทีวี ว่าลูกสาวอายุ 16 ปี ถูกหลอกไปทำงานร้านคาราโอเกะ โดนเจ้าของร้านกีดกันไม่ให้พบพ่อเเม่ ไม่ให้รับโทรศัพท์ ติดต่อลูกไม่ได้กว่า 2 เดือนแล้วนั้น

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับผู้ร้องเรียนคือ นางบุษ อายุ 40 ปี เป็นผู้พิการไม่มีขาทั้ง 2 ข้าง อยู่ในอาการเครียด ร้องไห้ เผยกับทีมข่าวว่า จากเดิมครอบครัวของตนอยู่ที่ จ.กระบี่ เพิ่งพาลูกสาว คือน้องเอ (นามสมมติ) ย้ายมาอยู่กับสามีใหม่ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือน ก.ค. 64 พร้อมกับให้เรียน กศน.ด้วย โดยตอนเเรกลูกก็เป็นเด็กดี เชื่อฟังเเม่ จนกระทั่งช่วงเดือน พ.ค. 65 มีเพื่อนของลูกสาวมาชักชวนลูกให้ไปทำงาน ตอนเเรกลูกสาวอ้างว่าไปทำงานร้านอาหารทั่วไป เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน

แต่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ คือลูกสาวจะกลับบ้านดึก ตี 1-2 เเละเมาเหล้ากลับมาทุกวัน ตนเองก็ดุด่าลูกว่าอายุยังน้อยไม่ควรดื่มเหล้า บอกให้ออกจากงาน เพราะกลัวลูกจะเสียคน ลูกสาวก็ไม่ฟัง เริ่มมีอาการก้าวร้าว ไม่กลับบ้านอีกเลย

ตนโทรหาก็มีคนอื่นพูดเเทน จึงให้สามีใหม่ ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงไปตาม เพราะตนพิการขา ไปตามเองไม่ได้ เเต่ลูกสาวก็ไม่ยอมกลับ ตนเองจึงไปเเจ้งความที่ สน.หนองจอก เเต่ทางเจ้าของร้านก็พาเด็กไปโรงพักเเจ้งความกลับ ให้เด็กพูดกับตำรวจว่าไม่ยอมกลับ จะทำงานที่นี่ ไม่อยากอยู่กับเเม่ เเละให้เด็กโกหกว่าโดนพ่อเลี้ยงข่มขืนมาหลายปี ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทางตำรวจก็จะให้ไกล่เกลี่ยกัน เเต่ก็คุยกันไม่ได้ ตนเองรู้สึกเครียดมาก หากลูกฟังอยู่ อยากให้ลูกกลับมาอยู่กับเเม่

ด้านพ่อเลี้ยงของเด็กคือ นายสุไลมาน อายุ 47 ปี บอกว่า ตนเองรู้สึกสงสารภรรยามาก เพราะหลังจากลูกไม่กลับบ้าน ก็นอนร้องไห้ทุกวัน ออกไปตามลูกไม่ได้ เพราะตัวเองพิการขา ตนเองจึงเป็นคนไปตามให้ โดยเมื่อเดือนที่เเล้วตนเองบุกไปที่ร้านดังกล่าว เห็นเด็กกำลังนั่งชงเหล้าให้เเขกอยู่ในร้าน จึงเข้าไปสอบถามเจ้าของร้านว่าเอาเด็กมาทำงานเเบบนี้ได้อย่างไร เด็กอายุเเค่ 16 ปี เเต่เจ้าของร้านก็อ้างว่าให้เด็กมาล้างจานเท่านั้น แต่ไม่ยอมให้เด็กกลับบ้าน จึงมีปากเสียงกัน

ทางเจ้าของร้านได้เเจ้งตำรวจว่าตนไปก่อความวุ่นวาย เมื่อไปถึงโรงพัก ยังพยายามให้เด็กพูดใส่ร้ายตนว่าโดนพ่อเลี้ยงข่มขืน ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีทางที่ตนจะข่มขืนลูกเลี้ยง การที่เด็กพูดจาใส่ร้ายเเบบนี้มองว่าเป็นการเนรคุณ เพราะที่ผ่านมาตนเองพยายามช่วยเหลือเด็กมาโดยตลอด หากเด็กฟังอยู่ อยากให้คิดถึงหัวอกคนเป็นเเม่บ้าง

น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี เปิดใจสาเหตุที่ออกจากบ้านมาทำงาน เนื่องจากทนไม่ได้ที่ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ตั้งแต่อายุ 13 ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจากเเม่เเต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยง ก็รับตนเองไปอยู่ด้วยกันที่ จ.กระบี่ เวลานอนก็จะนอนด้วยกัน 3 คน แม่จะให้พ่อเลี้ยงนอนตรงกลาง พอตกดึกพ่อเลี้ยงก็จะชอบมาลวนลาม ข่มขืนหลายครั้ง เเม้กระทั่งตอนมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ยังโดนกระทำเเบบเดิมอีก

ตนเองเคยบอกเเม่หลายครั้ง เเต่เเม่ก็ไม่เชื่อ เเละยังเข้าข้างพ่อเลี้ยงตลอด จนตนเองทนไม่ได้ ตัดสินใจมาทำงานที่ร้านเเห่งนี้ โดยทำหน้าที่ล้างจาน เเละเสิร์ฟอาหาร เจ้าของร้านให้ค่าเเรงวันละ 300 บาท ไม่เคยชงเหล้าให้เเขกตามที่เเม่กับพ่อเลี้ยงกล่าวอ้าง ส่วนที่เเม่บอกว่าตนเมาเหล้ากลับบ้านเกือบทุกวัน ยอมรับว่าเคยดื่มเหล้าจริง เเต่ตอนนั้นที่ดื่มเพราะเครียดปัญหาครอบครัว พอกลับไปบ้านก็โดนเเม่ด่าอีก จึงตัดสินใจไม่กลับ

ด้านเจ้าของร้านคาราโอเกะ คือนางน้อย ยืนยันว่าสิ่งที่น้องเอพูดเป็นความจริง ตนเองไม่เคยบังคับหรือสอนเด็กให้พูดใส่ร้ายใคร สิ่งที่เด็กพูดมาทั้งหมด ล้วนเป็นสิ่งที่เขาเจอมากับตัวเอง โดยเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว น้องเอมาที่ร้านเพื่อขอสมัครงาน ซึ่งน้องเอ เป็นเพื่อนกับลูกสาวของตน ทางลูกสาวขอร้องให้ตนรับน้องเอมาอยู่ด้วย บอกว่าน้องเอกำลังมีปัญหาครอบครัว ซึ่งวันนั้นน้องเอมากอดตนร้องไห้ พร้อมกับเล่าให้ฟังว่าโดนพ่อเลี้ยงข่มขืนมา 3 ปี ตั้งแต่อายุ 13 ปี

หลังจากได้รับฟัง ตนเองคิดจะพาน้องเอไปร้องมูลนิธิปวีณาฯ เเต่ทางน้องเอเป็นห่วงเเม่ กลัวว่าถ้าพ่อเลี้ยงติดคุก จะไม่มีใครดูเเลเเม่ ตนเองจึงยังไม่ได้ไปร้อง เเต่ก็ให้น้องเอมาอาศัยอยู่กับตนที่บ้าน โดยให้ช่วยล้างจาน และเสิร์ฟอาหารในร้าน ส่งให้เรียนหนังสือด้วย ดูเเลอย่างดีเหมือนลูกคนหนึ่ง ยืนยันว่าร้านของตนไม่มีการค้าประเวณีเด็ดขาด เเละไม่เคยให้น้องเอไปนั่งชงเหล้าให้เเขกด้วย แต่ทางพ่อเลี้ยงไม่ยอมหยุดคุกคาม มักจะมาตามตัวเด็กกลับบ้าน เคยมาโวยวายที่ร้าน จนตนต้องเเจ้งตำรวจมาเเล้ว

ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค. 65 พ.ต.อ.ประเสริฐ สอนเเจ่ม ผกก.สน.หนองจอก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กเเละครอบครัวกรุงเทพมหานคร กระทรวงพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ได้เชิญ นางบุษ เเม่ของเด็ก, นายสุไลมาน พ่อเลี้ยง, นางน้อย เจ้าของร้านคาราโอเกะ เเละ น้องเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี มาสอบปากคำที่โรงพัก โดยมีการเเยกสอบเริ่มสอบตั้งเเต่เวลา 11.00 น. จนถึงเวลา 15.00 น. รวม 4 ชั่วโมง

นายสฤษดิ์ ภูพีระสุพงษ์ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กเเละครอบครัวกรุงเทพมหานคร กระทรวงพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เผยว่า ตอนเเรกได้รับเเจ้งจากเเม่เด็กเพียงเรื่องเดียวว่าลูกสาวไปทำงานร้านอาหารเเล้วไม่กลับบ้าน เเต่จากการลงมาพูดคุยกับเด็ก จึงทราบว่ามีเรื่องล่วงละเมิดทางเพศด้วย

ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้ เบื้องต้นพยายามพูดคุยกับเเม่เด็กให้รับฟังลูก เเละให้เเจ้งความพ่อเลี้ยง เเต่เเม่เด็กไม่เชื่อลูก เเละไม่ยอมเเจ้งความ ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ พม. เเละเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีสิทธิ์เเจ้งความได้ เนื่องจากเป็นคดีอาญาเเผ่นดินที่เกิดขึ้นกับเด็ก สำหรับพื้นที่เกิดเหตุ นอกจากจังหวัดกระบี่เเล้วยังมีบ้านพักในพื้นที่ สน.ลำหิน เเละห้องเช่าในพื้นที่ สน.หนองจอก ซึ่งจะดำเนินการเเจ้งความทั้ง 2 โรงพัก ส่วนพ่อเลี้ยงจะก่อเหตุตามที่เด็กกล่าวอ้างจริงหรือไม่ จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ

สำหรับน้องเอ (นามสมมติ) จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อ 5 ปีที่เเล้ว เคยอยู่ในความดูเเลของบ้านพักเด็กเเละครอบครัวกรุงเทพมหานคร เนื่องจากพ่อเเม่เเยกทางกัน น้องเอไปอยู่กับพ่อ เเท้ ๆ เเล้วพ่อเเท้ ๆ พาไปเร่ร่อนตามที่สาธารณะ ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือ เเล้วประสานเเม่เด็กให้มารับไปดูเเล เด็กจึงไปอยู่กับเเม่ที่ จ.กระบี่ เป็นช่วงเวลาที่เเม่มีสามีใหม่พอดี จึงถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยทางพ่อเลี้ยงมีการข่มขู่ว่าหากร้องหรือขัดขืนจะไม่เลี้ยงดูเเม่ ซึ่งเด็กเป็นห่วงว่าเเม่จะไม่มีคนดูเเล จึงไม่ได้ขัดขืน เเต่ก็พยายามบอกเเม่หลายครั้ง เเต่เเม่ก็ไม่เชื่อ โดยหลังจากย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ก็โดนกระทำเเบบเดิมอีก จนเด็กทนไม่ได้ หนีไปทำงานที่ร้านอาหารดังกล่าว เนื่องจากเป็นเพื่อนกับลูกสาวเจ้าของร้าน                     

โดยหลังจากสอบปากคำ นางบุษ อายุ 40 ปี เเม่ของเด็ก เเละนายสุไลมาน อายุ 47 ปี พ่อเลี้ยง บอกเพียงสั้น ๆ ว่า พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ก่อนจะพาภรรยาเดินทางออกจากโรงพักไปทันที