แก๊งนรกฮึดสู้ เพื่อนถูกเด็ดหัวคดีขืนใจเด็ก ผยองแชตขู่เหยื่อ อึ้งสวน 1 นัด เจอ 20 รู (คลิป)

จากกรณีวันที่ 13 ก.ค. 65 เวลา 20.21 น. ร.ต.อวิกรม คงทอง รองสว.(สอบสวน) สภ.ลาดบัวหลวง ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญคนร้าย เหตุเกิดบริเวณภายในปั๊มแห่งหนึ่ง บนถนน 340 ลาดบัวหลวง มุ่งหน้าสุพรรณบุรี ม.5 ต.สามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

ที่เกิดเหตุพบเป็นบริเวณลานจอดรถภายในปั๊ม รถยนต์เก๋งยี่ห้อ HondaJazz สีดำ ทะเบียนป้ายแดงก-2596 กรุงเทพมหานคร ภายในรถด้านฝั่งคนขับพบผู้เสียชีวิต คือนายสาทิส ปทุมสูติ อายุ 38 ปี สวมเสื้อสีขาวคอกลม กางเกงยีนส์ ลักษณะนอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณเกียร์รถ เป็นผู้ต้องหา 2 หมายจับ ในคดีข่มขืนหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ขณะที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายร่วมปฏิบัติการ

สืบเนื่องจากนายสาทิสขับรถเข้ามาในพื้นที่ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์จอดที่บริเวณหน้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่สะกดรอยจึงจอดรถข้าง ๆ ทราบว่าผู้ต้องหามีอาวุธปืนติดตัว ผู้ต้องหาลงจากรถเดินไปเข้าห้องน้ำ

ตำรวจจึงลงจากรถ เดินตามไปก่อนแสดงตัวเข้าจับกุมล็อกที่แขน แต่ผู้ต้องหาสะบัด ชักปืนขึ้นมายิงในระยะกระชั้นชิด เกือบถูกเข้าที่หน้าของเจ้าหน้าที่ และวิ่งออกมาพร้อมยิงเปิดทาง ก่อนเข้าไปในรถและยิงออกมาจากรถ กระสุน 10 นัด หมดแม็ก ขณะเดียวกันตำรวจจึงยิงปะทะกับผู้ต้องหา ก่อนเข้าไปตรวจค้นภายในรถพบว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต และตรวจพบไอซ์ 5 กรัมในรถ

วันที่ 14 ก.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางมายังสถานีตำรวจสภ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ HondaJazz สีดำ ทะเบียนป้ายแดงก-2596 กรุงเทพมหานคร บริเวณประตูฝั่งคนขับมีร่องรอยก็สูงกว่า 20 นัด บริเวณรอบตัวรถมีร่อยรอยกระสุนมากกว่า 10 นัด อีกทั้งยังบริเวณเบาะคนขับ มีซองปืนตกหล่นอยู่ภายในเบาะ

นายอาร์ม น้องชายผู้เสียชีวิต ระบุว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 65 เวลาประมาณ 21.00 น. ตนเองได้รับโทรศัพท์จากกลุ่มเพื่อนเพื่อนของพี่ชาย หลายคนระบุว่าพี่ชายตนเองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญยิงเสียชีวิตภายในปั๊ม เมื่อตนเองทราบก็จึงรีบพาแม่มายังที่เกิดเหตุแต่เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ ล่าสุดตนเองได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า พี่ชายของตนเองนั้นได้มีการใช้อาวุธปืนในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน หลบหนีวิ่งขึ้นไปบนรถ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญยิงเข้าใส่รถ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที

ส่วนตัวมองว่าพี่ชายนั้นมีอาวุธปืนพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากมองในเรื่องของหมายจับ 2 คดีนั้น ตนเองมองว่าอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการวิสามัญ การวิสามัญของเจ้าหน้าที่นั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่พี่ชายมีอาวุธปืนพกติดตัว และอาจจะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

ยอมรับว่าทางครอบครัวนั้นทราบดีว่าพี่ชายมีหมายจับ 2 หมายเกี่ยวข้องกับคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ตนเองทราบตั้งแต่เมื่อเดือน เม.ย.65 โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้ามายังบ้าน นำหมายมาแสดงให้กับครอบครัว  ตั้งแต่มีหมายจับนั้นทางครอบครัวก็ไม่มีใครสามารถติดต่อพี่ชายได้เลย พี่ชายออกจากบ้านไปก่อนจะมีหมายจับเข้ามาที่บ้าน เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือและไม่ทราบว่าพี่ชายพักอาศัยอยู่ที่ใด กระทั่งมาทราบอีกครั้งว่าพี่ชายถูกวิสามัญเสียชีวิต

ส่วนตัวยอมรับว่าพี่ชายนั้นเป็นคนระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ เป็นคนอารมณ์ร้อน มีอาวุธปืนครอบครองเอาไว้ ส่วนเรื่องสาเหตุในการติดใจหรือไม่นั้น เบื้องต้นก็ไม่ได้ติดใจมาก เพราะพี่ชายก็ได้เสียชีวิตลงไปแล้ว มีคำถามอยู่ในใจว่าพี่ชายอยู่ภายในรถคนเดียว แต่กระสุน กราดยิงเข้าใส่รถรอบคันเกินกว่า 10 นัด ลักษณะเหมือนเป็นอาชญากร

ส่วนตอนนี้แม่เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทำใจไว้เบื้องต้นตั้งแต่ทราบว่าพี่ชายมีหมายจับและหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่มาหลายเดือนแล้ว วันนี้ตนเองเดินทางมาจัดการเรื่องของพี่ชาย เพื่อจะนำร่างไปยังภูมิลำเนาจังหวัดบ้านเกิด ที่ จ.สุพรรณบุรี จะนำร่างของพี่ชายนำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดเขาไผ่ล้อม

นางสาวนก ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คืนก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 20.20 น. หลังเติมน้ำมันให้ลูกค้าเสร็จ กลับมายังจุดพักแคชเชียร์ สักพักเห็นว่ามีรถเก๋งฮอนด้า แจส สีดำขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าห้องน้ำ ก็ไม่ได้เอะใจ ต่อมาก็เห็นรถเอสยูวี สีขาว มีชายแต่งกายคล้ายตำรวจลงมาเข้าและล้อมรถจน ได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด มีเสียงคนตะโกนว่า "มันยิงสวนมา" หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังรัวกว่า 20 นัดรัวคล้ายประทัด

 

ตนเองตกใจมากจึงรีบวิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน หลบในร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีคนเข้าไปบอกว่า "ตายแล้ว" จึงออกมาดู เห็นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เข้ามากันพื้นที่ห้ามบุคคลไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ ตอนนั้นทราบเพียงว่าตำรวจวิสามัญคนร้าย แต่ไม่ทราบรายละเอียด ยอมรับว่ากลัวและตกใจมาก นาทีนั้นไม่คิดจะทำอะไรนอกจากวิ่งหนีให้ไวที่สุด เพื่อไปหลบในที่ปลอดภัย

 

 

เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถของกลางกลับมายังจุดเกิดเหตุเพื่อจำลองเหตุการณ์ ตรวจวิถีกระสุน โดยจะมีชุดพิสูจน์หลักฐานร่วมเข้าตรวจสอบ มีการเดินตรวจสอบโดยรอบ ตามจุดต่าง ๆ ของปั๊มน้ำมัน เนื่องจากร่องรอยกระสุนเต็มทั่วไปยังปั๊มน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าใกล้เคียง เพดานจุดเติมน้ำมัน เพดานของร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม ซึ่งร่องรอยกระสุนแต่ละจุดมีรัศมีกระเด็นไปไกลกว่า 50 เมตร

 

 

ทีมข่าวพูดคุยกับ นายโทน หรือ นายณรงค์ศักดิ์ เล่าทรัพย์, นายท็อป หรือ นายณัฐวรรธน์ อินทร์นะนิสา, นายเบิร์ด หรือ นายกฤษณะ ภู่ระหงษ์ โดยมีนายเบิร์ด เพื่อนเจ้าของรถอิซูซุ มิวเอกซ์ สีขาว ป้ายแดง ภ8825 กทม. โดยได้ชี้ร่องรอยกระสุนให้ทีมข่าวดู หลังจากเมื่อวานนี้ถูกลูกหลงจากเหตุวิสามัญคนร้าย เล่าว่า ขณะขับรถกลับบ้าน หลังกลับจากทำบุญที่ จ.สระบุรี ช่วงเกิดเหตุกำลังกลับบ้าน มุ่งหน้า จ.นครปฐม ขณะที่ขับผ่านหน้าปั๊มดังกล่าว ได้ยินเสียงดังจึงจอดรถลงมาดูนึกว่าขับเหยียบไม้ เห็นรอยกระสุนที่ประตูรถคิดว่าเป็นคนร้ายถูกดักปล้น เพื่อน ๆ จึงรีบพากันขึ้นรถ ไปหาปั๊มที่สว่าง และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ซึ่งตำรวจบอกว่าเป็นของพื้นที่ สภ.ลาดบัวหลวง จึงขับรถย้อนกลับมาตรงจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังวิสามัญคนร้าย เบื้องต้นคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในคืนเกิดเหตุ บอกว่าต้องมีการตรวจสอบวิถีกระสุนที่คานรถของผู้เสียหายว่าเป็นกระสุนของเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องหา หากพบเป็นรอยกระสุนของเจ้าหน้าที่ ก็ยินดีจะรับผิดชอบทั้งหมด แต่หากเป็นของผู้ต้องหา ทางผู้เสียหายต้องไปติดต่อกับครอบครัวของผู้ต้องหา เพื่อรับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหาย

ส่วนตัวมองว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย หากขับมาเร็วหรือช้ากว่านี้ กระสุนอาจจะถูกเพื่อน นายโทน หรือ นายเบิร์ด ไม่คนใดก็คนหนึ่ง แต่สิ่งที่กลุ่มเพื่อนรู้สึกว่ารอดมาได้แบบหวุดหวิดนั้น เพราะเพิ่งกลับจากทำบุญที่วัดป่าพุทธญาณ จ.สระบุรี อีกทั้งมีการบูชาหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม เอาไว้อีกด้วย

สำหรับประวัติการก่อเหตุนายสาทิส 2 คดีล่าสุด คือเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 65 เวลาประมาณ 23.30 น. และเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 65 เวลา 23.00 น. ผู้ต้องหาได้ขับขี่รถเก๋งไม่ทราบหมายเลขทะเบียนไปรับเด็กหญิงวัย 14 ที่หน้าบ้านพักใน ต.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พาไปกระทำชำเราที่บ้านในเขต ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จนสำเร็จความใคร่ ผู้ปกครองเด็กหญิงวัย 14 ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.สระยายโสม ให้ดำเนินคดีกับให้ถึงที่สุด

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 7 มี.ค.65 ผู้ต้องหา ได้ขับรถเก๋งไม่ทราบหมายเลขทะเบียน รับเด็กหญิงวัย 13 ปี ที่หน้าซุ้มวัดคลองตัน ต.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แล้วพาไปกระทำชำเราที่บ้านในเขต ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี จนสำเร็จความใคร่ ผู้ปกครองเด็กหญิงวัย 13 ปี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.สระยายโสม ดำเนินคดีกับให้ถึงที่สุด

มีรายงานว่าผู้ต้องหาเคยถูกจับกุม ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติด ต้องโทษจำคุก 4 ปี เมื่อปี 2552 และหลังออกจากเรือนจำ เคยต้องโทษในคดีพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่รับอนุญาต ต้องโทษจำคุก 8 เดือน หลังออกจากเรือนจำมาประมาณ 8 ในปี 2557 และไปก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราเด็กต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2565

นางน้อย แม่ของเด็กหญิงบี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี อยู่ในอาการเสียใจ เปิดเผยว่า หลังจากทราบเรื่องจากลูกสาวว่าโดนผู้ต้องหาข่มขืน หัวอกคนเป็นแม่เสียใจมาก รับไม่ได้ที่ลูกโดนกระทำเเบบนี้ จึงติดต่อผู้ปกครองของเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) แล้วเดินทางไปแจ้งความพร้อมกันที่ สภ.สระยายโสม เมื่อวันที่ 12 เม.ย. หลังจากนั้นตำรวจก็ได้เรียกให้ผู้ต้องหามาที่โรงพัก ผู้ต้องหาก็เข้ามาขอโทษ บอกว่ายอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ ทางญาติเสนอเงินจะเยียวยาครอบครัว แต่ตนเองไม่ขอรับเงิน ต้องการให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็หลบหนีไป ติดต่อไม่ได้อีก ตอนนั้นก็รู้สึกกลัวเรื่องความปลอดภัย กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกตำรวจวิสามัญ ส่วนตัวก็รู้สึกเสียใจ เพราะเจตนาตอนที่ไปแจ้งความ เพียงเเค่ต้องการให้เขารับโทษตามกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้อยากให้ถึงขั้นเสียชีวิต หากถามความรู้สึกในมุมครอบครัว ตั้งแต่วันที่ลูกสาวโดนข่มขืน ตนเองและลูกก็ทุกข์ทรมานมาตลอด เหมือนกับมีตราบาปอยู่ในใจ แต่เมื่อคนก่อเหตุเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนตัวก็อโหสิกรรมให้

น้องบี ได้เอาภาพแชตให้ทีมข่าวดู โดยระบุว่าเป็นเพื่อนของผู้ต้องหารายหนึ่ง ทักมาหาน้องบี โดยในแชตจะเห็นข้อความการสนทนา ระหว่างเพื่อนผู้ต้องหากับน้องบี

เพื่อนผู้ต้องหา : เห็นข่าวยัง
บี : เห็นเเล้ว
เพื่อนผู้ต้องหา : หนูรู้สึกยังไงบ้าง
บี : เสียใจดิพี่ หนูไม่อยากให้เขาเป็นเเบบนี้
เพื่อนผู้ต้องหา : เห้อ เวรกรรม
บี : หนูก็เสียใจเหมือนกันนะพี่
เพื่อนผู้ต้องหา : ยอมรับกรรมต่อไป
บี : กรรมอะไรหรอพี่
เพื่อนผู้ต้องหา : มันเป็นบาปติดตัว
บี : แต่หนูมีตราบาปนะพี่

ขณะที่เพื่อนของผู้ต้องหา มีการลงภาพสตอรี่ไว้อาลัย เป็นรูปผู้ต้องหายืนหันหลัง พร้อมลงข้อความว่า "ขอบคุณสำหรับทุกอย่างจริง ๆ พี่ชายที่ดีที่สุดของน้อง ไม่รู้จะหาคำไหนมาปลอบใจตัวเองเลย พี่รู้ไหมพี่ดีกับหนูทุกอย่าง แต่ทำไมทุกอย่างต้องมาจบเพราะคนเหี้- ๆ พวกนั้น พี่คอยบอกหนูอะไรควร อะไรไม่ควร คอยสอนหนูมาตลอด มันไม่มีแล้วสิ"

ผู้เสียหายบอกอีกว่า หลังจากเกิดเรื่องมีเพื่อนของผู้ต้องหาหลายคนพยายามแอดเฟซบุ๊กมาหา แต่เด็กไม่กล้ารับแอดเพราะกลัว ทำให้เพื่อนของผู้ต้องหาคนหนึ่งลงข้อความในสตอรี่ว่า "รับเเอดพี่หน่อยสิคนสวย ลบเเอดพี่ทำไมอะ เสียใจนะ"

ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดหนองบัว ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เป็นสถานที่จัดพิธีศพของนายสาทิส ประทุมสูติ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข่มขืนเด็ก 2 คดี ถูกตำรวจวิสามัญ นายอาร์ม น้องชายผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ในส่วนของครอบครัวรู้สึกเสียใจ เเต่ก็ไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงเเม้จะเป็นการจับกุมผู้ต้องหาคดีข่มขืน เข้าใจว่าตอนเข้าจับกุมมีเหตุปะทะกันซึ่งหน้า ตนทราบดีว่าพี่ชายเป็นคนใจร้อน ชอบพกปืนติดตัวตลอดเวลา เชื่อว่ามีการยิงต่อสู้กับตำรวจจริง ครอบครัวจึงขอยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

หลังจากเกิดคดีข่มขืน ถูกออกหมายจับ ทางพี่ชายก็หายไปเลย มีการเปลี่ยนซิมโทรศัพท์ ญาติจึงติดต่อไม่ได้ ตำรวจมาตามหาที่บ้าน ทางญาติก็ไม่มีใครทราบว่าหลบหนีไปที่ไหน กระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกตำรวจวิสามัญ จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุที่อยุธยา เดินทางไปรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนในเรื่องคดีข่มขืน ตนเองขอเป็นตัวแทนขอโทษไปยังครอบครัวเด็กผู้เสียหายทั้ง 2 คน ในสิ่งที่พี่ชายได้ทำลงไป อยากขออโหสิกรรมให้เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี เพราะพี่ชายของตนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว

พร้อมกันนี้ขอวิงวอนไปถึงเพื่อนของพี่ชายที่มีการทักไปต่อว่าเด็กผู้เสียหาย ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว ขออย่าโทษเด็กที่โดยทำร้าย ให้ทุกคนอโหสิกรรมซึ่งกันและกันดีกว่า หลังจากนี้ตนเองจะไปพูดคุยทำความเข้าใจกับเพื่อน ๆ ของพี่ชาย ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย