ช็อกคลิปลับเด็กตาปูดขายขนม ถูกสายยางฟาด แม่ฉะอย่าจุ้นแต่ชีวิตโคตรรันทด (คลิป)

สืบเนื่องจากกรณีกระแสโชเชียลจากผู้ใช้ติ๊กต็อกพสต์คลิปที่ถ่ายเด็กหญิงรายหนึ่งนั่งขายของภายในปั๊มชื่อดังย่านวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนที่ทางคนถ่ายคลิปดังกล่าวได้เข้าไปสอบถาม เพราะเห็นความผิดปกติบนใบหน้าเด็กหญิงรายดังกล่าว เนื่องจากตาด้านขวาของน้องมีรอยฟกช้ำ และปูดบวม จนผิดสังเกต

 

ก่อนที่คนถ่ายคลิปได้เข้าไปสิบถามว่าโดนอะไรมา น้องบอกว่าพลัดตกจากที่สูงมากระแทกเครื่องซักผ้า ก่อนที่หน้าจะกระแทก ก่อนที่ทางคนถ่ายคลิปจะถามต่อว่ามีใครทำร้ายไหม น้องบอกว่าไม่มี เราก็เป็นห่วง ถามว่าหนูมากับใคร ตอนแรกบอกมาคนเดียว แต่พอชวนน้องคุยไปคุยมาทำให้ทราบว่าน้องเขามาจากพื้นที่ใน อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุยธยา และทางน้องผู้หญิงรายดังกล่าวยังบอกอีกว่า เรียนอยู่ ป.5 และมาขายของทุกวันที่ปั๊มนี้ ถามไปถามมาก็บอกว่ามากับแม่ แต่แม่ไปขายอีกที่

ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว ล่าสุด วันที่ 1 ก.ย. 65 ทีมข่าวได้เดินทางไปยังปั๊มแห่งหนึ่งในพื้นที่วังน้อย ไม่พบกับทางน้องผู้หญิง จากการสอบถาม นายสมร (นามสมมติ) พ่อค้าในย่านนั้น ให้ข้อมูลว่าจริงแล้วน้องผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นมานั่งขายแซนวิซอยู่นานกว่าครึ่งปี ที่ผ่านมาตนเองก็เคยพยายามสอบถามและพูดคุย แต่ทางน้องผู้หญิงรายดังกล่าวกลับไม่พูดด้วย ลักษณะคล้ายหวาดกลัว หรือ มีคนจับตามองอยู่ ตนเองก็เลยให้ความช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ให้น้ำให้ข้าวกินบ้าง ปกติแล้วทางน้องผู้หญิงรายดังกล่าวจะมาขายวันปกติ ช่วงเย็น เลิกประมาณเที่ยงคืน ขณะที่หากเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะมาตั้งแต่เข้า 7-8 โมง ก่อนจะเลิกขายประมาณ ตี 1-2

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมาตนเองจะพบความผิดปกติ น้องผู้หญิงมักจะมีรอยช้ำที่ใบหน้า และรอบฟกช้ำที่ลำตัว ตนเคยถามแต่เจ้าตัวอ้างว่าวิ่งและหกล้ม ก่อนที่น้องเองจะเลี่ยงตอบ ซึ่งในใจคิดว่าไม่น่าจะใช่แน่นอน เพราะสายตาและท่าทีน้องเวลามีคนถามจะมีความหวาดระเเวง และหวาดกลัว ยอมรับว่าทางผู้จัดการปั๊มเคยเข้าข่วยเหลือ แต่ด้วยความเด็กเองไม่ตอบทำให้หลายคนไม่สามารถช่วยเหลือได้

ทั้งนี้ เมื่อทีทข่าวสอบถามว่าแล้วปกติเวลาน้องมาขายของจะมากับใคร เจ้าตัวระบุบอกเท่าที่ทราบจากผู้จัดการปั๊มเล่าให้ฟัง พบว่าจะมีทางพ่อเลี้ยง และแม่เเท้ ๆ ขับรถเก๋งโตโยต้าคันเก่ามาจอดอยู่ในลานจอดรถปั๊ม แล้วให้ทางน้องผู้หญิงเดินลงมาขาย แต่ในส่งนของพ่อเลี้ยง และแม่แท้ ๆ ก็จะนั่งคอยอยู่ในรถ เพราะมีเด็กเล็กอีก 2 คน คาดว่าเป็นน้องของเด็กหญิงรายดังกล่าวอยู่ในนั้นด้วย โดยที่หากของหมด น้องจะเดินเข้าไปเอาแซนวิชที่แม่เขาทำตั้งไว้ในรถมาขายต่อ ไม่น่าจะใช่กระบวนการค้ามนุษย์ แต่อาจจะเป็นเรื่องของครอบครัวที่มีการบังคับหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทางด้านผู้จัดการปั๊มเคยบอกกล่าวทางผู้ปกครองของเด็กไปแล้วหลายรอบ แต่ทางผู้ปกครองก็จะพาเด็กไปที่ปั๊มอื่นหายไป 1-2 วัน ก่อนจะกลับมาขายใหม่ บรรดาแม่ต้าเองก็เป็นห่วง แต่ก็ไม่มีใตรสามารถช่วยได้ เพราะน้องไม่ยอมพูด

เวลาประมาณ 13.00 น. พมจ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยทางเด็กหญิงผู้เสียหาย พร้อมผู้อำนวยการโรงเรียนโรงเรียนบ้านคู้คด ต.หนองน้ำส้ม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เดินทางมายัง สภ.อุทัย เพื่อเข้าพบกับทางพนักงานสอบสวน มีทาง พมจ.พระนครศรีอยุธยาเป็นเจ้าภาพเพื่อเข้าลงบันทึกประจำ พูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เวลา 13.40 น. พ่อเลี้ยง และแม่ของเด็กหญิงรายดังกล่าว เดินทางมาที่ สภ.อุทัย พร้อมท่าทีอารมณ์เสีย มีการพูดใส่ทีมข่าวที่มารอว่า "มาทำเพื่ออะไร" ด้านภรรยาก็พูดเสริมว่า "สงสัยอยากออกข่าว" ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้น สภ. เพื่อพบกับทางร้อยเวร โดยในส่วนของการสอบปากคำข้อมูลทางด้านพ่อเลี้ยงและแม่ได้ให้การเบื้องต้นว่าว่าส่วนตัวทำขนมไว้ขาย โดยมีลูกสาวช่วยขายเริ่มมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ตอนแรกให้มีการเดินขาย หลัง ๆ จะมาเริ่มขายที่ปั๊ม ลูกอยากขายเอง เช่าบ้านอยู่แถวโรงเรียนห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ปกติจะไปส่งบ้าง น้องเดินไปเองบ้าง

ส่วนบาดแผลรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้น พ่อเลี้ยงยอมรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นคนทำจริง สาเหตุมาจากที่ทางเด็กไม่เชื่อฟัง สั่งให้ทำอะไรแล้วดื้อ ยอมรับมีการตบหัว เพราะทำอะไรไม่ทันใจ ขณะที่ทางคุณแม่เองยืนยันว่าส่วนตัวไม่เคยตี จะมีแต่ดุด่ามากกว่า เพราะเขาเองค่อนข้างทำอะไรเชื่องช้า และชอบโกหก ตลอดจนอ้างไม่ชอบทำการบ้าน ส่งนเรื่องประเด็นหัวแตกนั้นตนไม่ทราบ รู้แค่ว่าเกิดจากหลังที่ทางน้องเข้าห้องน้ำ แล้วลื่นล้มอย่างไรหรือไม่ มาเห็นอีกทีก็เลือดไหล ยืนยันไม่ได้ทำร้าย ย้ำว่าที่ผ่านตนเองก็ถามว่าไปหาหมอไหม เขาเองไม่ยอมไป ขณะที่ทางคนเป็นพ่อยอมรับว่าไม่ใช่แค่ลูกเลี้ยงที่ตนตี แต่ลูกของตนกับทางภรรยาอายุ 5 ขวบ และ 4 ขวบ ตนเองก็ตี และมีการใช้สายยางตีบ้าง

ต่อมาเวลา 15.11 น. ทางเจ้าหน้าที่ พมจ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำตัวทางแม่และพ่อเลี้ยงออกมาหลังจากให้ปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยภายหลังที่ออกมา ทางทีมข่าวได้สอบถามทางด้านคุณแม่ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเองไม่ได้บังคับลูกไปขายของ แต่เป็นความสมัครใจของลูกสาวที่อยากจะหารายได้เสริม เมื่อถามว่าแล้วที่มีชาวบ้านระบุว่า ใส่หูฟังคล้ายสั่งลูกให้ขายของ ในส่วนนี้ยอมรับว่ามีจริง แต่เป็นการโทรคุยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกถูกลักพาตัว ถามว่าส่วนไปช่วยลูกขายของหรือไม่ ก็ไปบ้างบางครั้ง

ไม่เครียดที่ตอนนี้กระเเสสังคมจะโจมตีหาว่าตนทำร้ายลูก พร้อมทั้งยืนยันว่าบาดแผลล่าสุดนั้น ลูกสาวตกจากเครื่องซักผ้าจริง เพราะวันนั้นน้องเองขึ้นไปตากผ้าบนเครื่องซักผ้า แล้วลื่นตกลงมา ไม่ใช่เป็นการทำร้ายแต่อย่างใด

เวลา 16.50 น. ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปล่อยตัวทางด้านแม่และพ่อเลี้ยงให้กลับบ้าน โดยที่ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เป็นการลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวนั้นทาง พมจ.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะต้องมีการเข้ามาสอบสวน กับเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อสภาพจิตใจของเด็ก ขณะที่ทางน้องหนึ่งเองนั้น ทางพมจ.จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับไปคุ้มครองเป็นการชั่วคราว ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ กรมกิจการเด็กและเยาวชนก่อนเป็นเวลา 1 เดือน จนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย

น.ส.เต็มสินี โสภามสมสวัสดิ์ อาสาสมัครกลุ่มเส้นด้ายเด็กและสตรี กล่าวว่า จากการเข้าไปฟังและมีการพูดคุยเบื้องต้นเหตุการณ์ร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นทางเด็กหญิง 10 ขวบ ได้ให้ข้อมูลตรงกับทางผู้ปกครองว่าไม่ได้โดนทำร้ายแต่เป็นอุบัติเหตุ ขณะที่ซักผ้าและมีการนำผ้าไปตาก ทำให้มีการพลัดตกและหล่นมากระแทกกับของแข็ง จนมีรอยช้ำตามที่ปรากฎตามที่เป็นข่าว เรื่องขายของนั้นน้องเองเต็มใจช่วยคุณพ่อคุณแม่ในการขายของ ไม่ได้บังคับ ทางพ่อและแม่เองก็เดินทางไปด้วย แต่ไม่ได้ลงไปช่วยน้องขาย ส่วนเรื่องประเด็นต่อสายตรงใส่หูฟังน้องเวลาขายของ ในส่วนนี้ไม่ได้มีการพูดถึง

ซึ่งในส่วนของร่องรอยบาดแผลอื่นก่อนหน้านี้ตามที่ชาวบ้านให้ข้อมูล ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เนื่องจากยังไม่มีการสอบปากคำในส่วนนี้ และยังไม่มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว ต้องรอทาง พมจ.พระนครศรีอยุธยา กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการสอบสวนนั้น ทาง พมจ.เองจะการคุ้มครองเด็กเป็นการชั่วคราว ระยะเวลา 1 เดือน โดยที่จะคอยดูเรื่องของสภาพจิตใจ และเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมไปถึงมีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างผู้ปกครอง และทางเจ้าหน้าที่ว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ และตกลงว่าจะไม่ให้ทางน้องหนึ่ง และลูกอีก 2 คนออกไปขายของ หากมีการฝ่าฝืนอีกครั้ง ทางพมจ.เองจะรับเข้าไปดูแลแทน ตามกฎระเบียบ สภาพจิตใจน้องเองยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้หวาดระแวงกับเรื่องดังกล่าว

ทีมข่าวได้เดินทางไปยังหอพักแห่งหนึ่ง ห่างจากโรงเรียนประมาณ 2 กิโลเมตร "ป้าติ๊ก" บอกว่า สำหรับภาพเหตุการณ์ล่าสุดนั้น ตนไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร และยังไม่เห็นตัวของเด็กมา 2-3 วันแล้ว เลยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถามว่าพฤติกรรมของพ่อและแม่เด็กยอมรับว่าค่อนข้างพูดจารุนแรง กับตนเองก็ยังมีการพูดจาไม่ดีใส่หลายครั้ง ขณะที่วันก่อนเหมือนเพื่อนร่วมตึกไม่ทราบว่าใครไปโดนรถของเขา เขาเองก็โวยวายและพูดจาไม่ดีใส่ ตนก็ว่ากล่าวเขาไปแล้วแต่เขาก็ค่อนข้างไม่ฟัง ตนเลยไม่ยุ่งและไม่ใส่ใจ เป็นห่วงแต่เด็กซึ่งมาทราบที่หลังว่าเป็นลูกของเขา เพราะเขาเองมีกจะใช้ให้น้องหนึ่ง เดินไปชื้อของหิ้วขยะไปทิ้ง ใช้ให้ไปขายของ ซึ่งตนเองก็ค่อนข้างเอ็นดู แต่เด็กเองก็ไม่มีปากเสียงหรือจะแย้ง ถามว่าปกติเด็กเองดื้อหรือไม่ ส่วนตัวไม่เห็นว่าเขาดื้อหรือไม่เชื่อฟัง แต่ทางคนเป็นแม่มักจะพูดจาไม่ดีใส่บ่อยครั้ง

ถามว่าที่ผ่านมาเราเองเคยเห็นทางแม่หรือพ่อเลี้ยงทุบตีเด็กต่อหน้าหรือไม่ ทางป้าติ๊กบอกไม่เคยเห็นต่อหน้า เพราะห้องพักเขาอยู่ชั้น 2 หากมีการทำร้ายร่างกายก็คาดว่าคงทำร้ายกันในห้อง อีกทั้งที่ผ่านมาส่วนตัวไม่เคยสังเกตว่าเด็กมีร่องรอยทำร้ายหรือไม่ เพราะเวลาเจอส่วนใหญ่เด็กจะเงียบใส่ ไม่ค่อยพูด เหมือนโดนบังคับ ตลอดจนเวลาที่เด็กเองเดินไปขายของ จะมีชาวบ้านในพื้นที่ที่ขับรถผ่านไปมา จะแวะรับน้องมาส่งที่บ้าน เพราะกลัวว่าจะโดนลักพาตัว ส่วนถามว่าบ่อยครั้งไหมที่ทางเด็กต้องออกไปขายของคนเดียว ทางป้าก็บอกว่านาน ๆ ครั้ง ปกติทางคนเป็นแม่จะไปด้วย เหมือนชวนกันเดินไป