ความคืบหน้ากรณี จ.ส.อ.ยงยุทธ เสมียนวิทยาลัยการทัพบก กรมยุทธศึกษาทหารบก ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.ดุสิต พบว่าผู้ต้องหายังถูกควบคุมตัวอยู่ในโรงพัก พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ มีนายทหารพระธรรมนูญเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย เจ้าหน้าที่ยังคงปิดกั้นพื้นที่ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน มีการนำรั้วเหล็กมากั้นทางเข้า มีตำรวจยืนอยู่หลังเเนวรั้ว เพื่อกันสื่อมวลชนให้อยู่ด้านนอก
เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว จ.ส.อ.ยงยุทธ ออกจากห้องคุมขัง ขึ้นรถออกจาก สน.ดุสิต โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่นำตัวไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล เพื่อประเมินสภาพจิตตามคำกล่าวอ้างของญาติว่าผู้ต้องหาเคยเข้ารับการรักษาอาการทางสมอง
โดย จ.ส.อ.ยงยุทธ สวมเสื้อสีขาว ถูกใส่กุญเเจมือ มีสีหน้าเรียบเฉย ระหว่างที่กำลังถูกนำตัวออกจากห้องคุมขังขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ได้ตะโกนข้ามคลองถามถึงเเรงจูงใจในการก่อเหตุ แต่จ.ส.อ.ยงยุทธ หันมามองผู้สื่อข่าว ไม่ตอบคำถามใด ๆ
บรรยากาศช่วงเช้าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถ.ราชวิถี แขวง ทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ โดยเป็นการรับร่างของ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทสุนทร อายุ 58 ปี ผู้เสียชีวิต ครอบครัวของ จ.ส.อ.นพรัตน์ ระบุว่าทางครอบครัวได้นัดหมายที่จะมารับร่างไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ที่วัดแก้วจุฬามณี และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ย. 65
ขณะเดียวกันทางนายทหารเวร ประจำ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ ได้ขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนว่าของดสัมภาษณ์ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตที่ รพ. แต่อนุญาตให้เก็บภาพบรรยากาศขณะญาติเข้ารับศพได้ พร้อมระบุว่าขณะนี้แพทย์อยู่ระหว่างขั้นตอนการผ่าชันสูตรพลิกศพ ส่วนจะรับร่างได้กี่โมงนั้นยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
เวลา 13.00 น. ครอบครัวของ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทรสุนทร อายุ 58 ปี ทางครอบครัวได้รับร่างไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ที่วัดแก้วฟ้าจุฬามณี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ โดยได้มีการนำชุดเสื้อผ้ารองเท้าของผู้เสียชีวิต ใส่ถุงหิ้วมา เพื่อนำมาเปลี่ยนชุดให้กับผู้เสียชีวิต รถตู้เดินทางมาถึงยังสถาบันนิติเวชศาสตร์ เพื่อมารอรับร่างของ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทรสุนทร อายุ 58 ปี และมีพระสงฆ์ เดินนิมนต์เดินทางมาทำพิธีสวด เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิต เดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนา
ครอบครัวของของผู้เสียชีวิต ต่างยืนรอท่ามกลางความโศรกเศร้า โดยมีลูกสาวของผู้เสียชีวิต เป็นผู้จุดธูปปักใส่กระถาง เดินถือนำทางมาขึ้นรถตู้ ก่อนพระสงฆ์เดินนำร่าง จ.ส.อ.นพรัตน์ พร้อมเจ้าหน้าที่นิติเวชศาสตร์ หิ้วเปลนำร่างของ จ.ส.อ.นพรัตน์ นำจัดลำเลียงเข้ายังภายในรถตู้ และญาติทยอยตามขึ้นรถตู้เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิต ก่อนจะนำร่างไปบำเพ็ญกุศลประกอบพิธีทางศาสนาที่วัด
ที่วัดแก้วฟ้าจุฬามณี แยกเกียกกาย แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ วัดที่จัดงานประกอบพิธีทางศาสนา โดยในช่วงเย็นมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพของ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทรสุนทร อายุ 58 ปี ที่ศาลาพึงจิตติสานติ์ ศาลา 2 ต่อมาเวลา 18.00 น. มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พิธีสวดอภิธรรมในเวลา 18.30 น.
นางสุทธลักษณ์ ครองตน พี่สาวของ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทรสุนทร อายุ 58 ปี ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางด้านทางกองทัพบอกได้ยืนยัน ในการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต จะดูแลจัดการเรื่องงานศพทั้งหมด และเงินเยียวยาตามสวัสดิการของการทหาร ส่วนทางด้านผู้บาดเจ็บก็มีการเยียวยาด้วยเช่นกัน
ตนยอมรับว่าตนไม่ติดใจการเสียชีวิตของน้องชาย เนื่องจากคนเราเมื่อถึงที่ตาย ไม่โดนยิงตายก็ต้องประสบอุบัติเหตุตายเพราะฟ้ากำหนดมาแล้วโดยที่ผ่านมาทราบว่า จ.ส.อ.ยงยุทธ ผู้ก่อเหตุมีอาการสติไม่ดี ตั้งแต่หลังประสบอุบัติเหตุ และอยู่ในระหว่างการรักษา เพราะทางด้านกองทัพ กรมทหารได้ให้พักรักษาตัว ไม่จำเป็นต้องมาทำงาน จนปลดประจำการเกษียณอายุราชการปี 66
อีกทั้งตั้งแต่เกิดเรื่องไม่ได้มีการพูดคุยกับครอบครัวของผู้ก่อเหตุ ทราบเพียงว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่แยกกันนั่งคนละชั้น ส่วนรายละเอียดที่ต้องมายิงน้องชายของตนนั้นไม่ทราบเหตุผลใด ๆ เพราะเป็นเรื่องภายในที่ทำงานของน้องชาย ทั้งนี้ ด้านคดีขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไปตามกระบวนการกฎหมาย หากน้องรับรู้ได้ก็ไม่อยากให้เป็นห่วง โดยทางญาติและพี่น้องจะช่วยดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด
เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเครื่องเกียรติยศประกอบศพที่ได้รับพระราชทาน เป็นหีบเชิงชาย ฐานันดร ชั้นยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้กับ จ.ส.อ.นพรัตน์ อินทรสุนทร อายุ 58 ปี ต่อมา เวลา 17.30 น. พลเอกอภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาร่วมงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิต 2 ราย
บรรยากาศ พลเอกอภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก เดินทางเข้ามา มีเจ้าหน้าที่จัดเตรียมนำน้ำหลวงอาบศพ ใส่พานเดินทางมายังภายในศาลา ต่อมาเริ่มพิธีโดย พลเอกอภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก ได้ใช้น้ำหลวงอาบน้ำศพ ในการรดน้ำศพ จ.ส.อ.นพรัตน์ และตามด้วยผู้บัญชาการทหารบก ในลำดับถัดมา
โดยในช่วงท้ายจะเป็นทางด้านครอบครัว โดยมีภรรยา และลูกสาวเดินทางเข้ามาไว้อาลัยศพ ครั้งสุดท้ายก่อนนำบรรจุลง หีบเชิงชาย หีบพระราชทาน ฐานันดร ชั้นยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากนั้นเริ่มทำการสวดอภิธรรมศพ เวลา 18.30 น. ทั้งนี้ มีผู้บังคับบัญชาวิทยาลัยการทัพบก และหัวหน้าภายในส่วนงานของผู้เสียชีวิต ที่ทำงานภายในวิทยาลัยการทัพบก เข้ามาร่วมไว้อาลัยด้วย
ทางด้านพลเอกอภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก ภายหลังจากเข้าร่วมไว้อาลัย จ.ส.อ.นพรัตน์ แล้วเสร็จ เดินทางต่อมายัง ศาลา 4 เพื่อเข้าร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวของ จ.ส.อ.ประการ และได้เข้ารดน้ำศพผู้เสียชีวิต ก่อนเดินทางกลับออกจากพื้นที่ เตรียมเข้าร่วมรับฟังสวดอภิธรรมศพของผู้วายชนม์
นางเรวดี สินส่ง อายุ 69 ปี แม่ของ จ.ส.อ.ประการ ผู้เสียชีวิต บอกว่า วันเกิดเหตุหลังทราบข่าว จ.ส.อ.ประการ ถูก จ.ส.อ.ยงยุทธ มังกรกิม ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง ตนได้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายคุมเข้ม ไม่ให้ตนเข้าไปดูลูกชายข้างใน ซึ่งถูกผู้ก่อเหตุยิงลูกชายตนนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นในห้องสำนักงาน แต่ตำรวจกันคนไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังมีอาการคลุ้มคลั่งถือปืนเดินวนอยู่แถวที่เกิดเหตุ และบริเวณโดยรอบ
ส่วนตัวทราบมานานแล้วว่า จ.ส.อ.ยงยุทธ ผู้ก่อเหตุ เดิมทีก็มีอาการทางประสาท ไม่ปกติเหมือนคนทั่วไป ตั้งแต่ตอนที่ตนยังทำงานอยู่ในกรมยุทธศึกษาทหารบกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปสัมผัสอะไรกับเขามา ยิ่งกับลูกชายตน ยิงไม่ได้ใกล้ชิดอะไรกันเลย ซึ่งหลังเกิดเหตุทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ได้ติดต่อมา
สภาพจิตใจในตอนนี้ ก็ยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมันโหดร้ายมากถึงได้ลงมือก่อเหตุแบบนั้น และไม่ควรเกิดขึ้นในสถานที่แบบนั้น โดยจะมีการสวดอภิธรรมศพ 5 คืน ก่อนจะฌาปนกิจศพ จะไม่ได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เนื่องจากเงื่อนไขการได้รับจะต้องอยู่ในตำแหน่งของ จ.ส.อ. ระยะเวลา 5 ปีขึ้นไป
Advertisement