พ.ต.ต.รุ่งคุณ จันทโชติ สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โพสต์แชร์ประสบการณ์หลังต่อสู้กับการรักษาโรคมะเร็งปอดระยะลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ย้ำคำว่า "ใจ" สำคัญที่สุด
โพสต์เล่าว่า "เราเป็นตำรวจ ทำงานหนักพักผ่อนน้อย เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราอะ ชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจเลยนะ ถึงขั้นเสพติดเลยก็ว่าได้ ดื่มเหล้า สังสรรค์บ้าง ตามประสาวัยรุ่น แต่ไม่สูบบุหรี่นะ ที่บ้านก็ไม่มีใครสูบ พอวันสงกรานต์ ปี 65 จู่ๆ ปวดแขนขวา แข็งๆ ตึงๆ งอลำบาก สีเริ่มเปลี่ยน ไปหาหมอตั้งหลายที่ก็ให้แต่แก้อักเสบมากิน ก็ไม่หาย 3 วันต่อมา มีบวมๆ ที่คอด้วยนะ เลยไปหาหมอ รพ.ตร. เขาจับเราแอดมิตเลย ให้ยาแก้อักเสบ 6 วันก็ไม่หาย เลยเจาะชิ้นเนื้อที่คอไปตรวจ อีกอาทิตย์หนึ่งผลออก ผ่ามๆ!!! เป็นมะเร็งปอด ระยะลุกลามไปต่อมน้ำเหลืองจ้า ช็อกเลยทีเดียว แต่ตอนนั้นตั้งสติดีมาก ไม่ท้อเลย คิดหาทางแก้ไขอย่างด่วน
ขั้นตอนการรักษาคือ คีโม (เคมีบำบัด) + ฉายรังสี (ฉายแสง) บริเวณทรวงอก โอ้โห อธิบายความทรมานออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยจ้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แสบหลอดอาหาร ตื่นทุกชั่วโมง ต้องนอนคว่ำเท่านั้น ชีวิตเน้อออออ… แต่ไม่เป็นไร อดทน ฮึบๆ เชื่อว่ามันต้องหาย
ผมร่วงจริงๆ แต่มันค่อยๆ ร่วงนะ มันร่วงเป็นหย่อมๆ ฉายแสงเกือบจะครบคอร์ส 33 ครั้งละ คอไหม้เลยจ้า คิดบวกเข้าไว้ อย่าท้อ อย่าหมกอยู่แต่ในห้อง ออกมาสูดอากาศสวนสาธารณะบ้าง แต่ตอนนี้คือวิ่งไม่ได้แล้วนะ หอบ เหนื่อย ไอเยอะ เลยได้แต่เดินๆ แกว่งๆ แขน ดูคนอื่นออกกำลังกายมันก็ทรมานดีเนอะ
เข้าเครื่อง PET Ct ดูว่าการรักษาตอบสนองมั้ย ช็อกอีกรอบ…!!! ไม่ตอบสนองเลย !!! เซลล์เนื้อร้ายขนาดเท่าเดิม 1.4 ซม.ในปอด ยังไม่พอ กระจายไปตับอีกหลายจุด กระจายไปกระดูกสันหลังอีกจุดหนึ่ง ตอนนั้นคือ ใจมันตกไปอยู่ตาตุ่มจริงๆ หมอบอกคงต้องเปลี่ยนแผนการรักษา จากที่จะให้หายขาด เป็นประคองไปเรื่อยๆ ก็คือ คงคีโมไปเรื่อยๆ (ในใจคือปล่อยแล้วนะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด)
แต่ในความโชคร้ายมันก็ยังมีความโชคดี หมอเอาชิ้นเนื้อที่เคยเจาะไว้ไปตรวจด้วยการย้อมสีเพิ่มเติม จึงรู้ว่าเซลล์กลายพันธุ์ ชนิด ALK ซึ่งพบน้อยมากในคนเอเชีย (ทุกวันนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้เลย ว่าเป็นมะเร็งจากสาเหตุใด) หมอแจ้งว่ามียามุ่งเป้า (targeted therapy) ซึ่งมันจะไปกดให้เซลล์ร้ายสงบ แล้วก็ใช้ชีวิตกับมันไปเรื่อยๆ กินยาตลอดชีวิต จนกว่าจะดื้อยา
ก็ลองยาตัวนี้มาได้เดือนกว่าๆ แล้ว รู้สึกดีขึ้นนะ เพลียน้อยลง เริ่มออกกำลังกายได้ดีมากขึ้น ก็ขอให้มันตอบสนอง แล้วก็คงต้องกอดคอกันไปกับมัน มีเวลาว่าง ก็เลยหันมาพึ่งทางธรรมบ้าง อะอะ… อัปเดตเท่านี้ก่อน แล้วไว้จะมาอัปเดตต่อ ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำอวยพร มันช่วยได้จริงๆ นะ อยากจะฝากถึงทุกๆ คน ทุกๆ อย่างในชีวิตไม่แน่ไม่นอนจริงๆ แต่หากเกิดขึ้นแล้ว ต้อง “ตั้งสติ” เตรียมรับมือ และสิ่งที่อยากจะบอก กาดอกจัน 100 ดวง คือคำว่า “ใจ” ใจมันต้องได้นะ ยาจะดีแค่ไหน แต่ถ้าใจไม่ได้ ยามันก็ไม่ได้ผลหรอก (ปัจจุบัน ลาสิกขาแล้ว)"
พ.ต.ต.รุ่งคุณ จันทโชติ สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ว่า หลังจากทราบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว หมอบอกว่ายังตัดชิ้นเนื้อออกไม่ได้ถ้าตัดออกไปตัวชิ้นเนื้อมะเร็งยังหลงเหลืออยู่ก็ยังสามารถแพร่กระจายต่อไปได้ ซึ่งเป็นระยะ 3D เกือบจะเป็นระยะ 4 วิธีการรักษาจะต้องใช้เคมีบำบัดหรือคีโมร่วมกับการฉายแสง
มะเร็งอยู่ในปอดและลำคอด้านขวา ซึ่งอยู่ในกรอบที่สามารถจะฉายแสงได้ ใช้ระยะเวลาการรักษา 1 เดือนครึ่ง โดยจะมีการฉายรังสีทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนคีโมจะเป็นรอบ ๆ คือทำคีโม 1 อาทิตย์ แล้วจะพัก 3 อาทิตย์ แล้วจากนั้นก็จะทำคีโมอีก 1 อาทิตย์แล้วก็หยุด ซึ่งต้องทำควบคู่กันไปทั้งการใช้แสงและการทำคีโม
ช่วงที่รักษายอมรับว่าทรมานมากจากอาการข้างเคียงของการทำคีโมทั้งผมร่วงและท้องอืด ที่หนักคือการฉายแสง เพราะการฉายแสงโดนหลอดอาหารโดนหัวใจโดนทรวงอก หลังจากที่ใช้แสงเป็นครั้งที่ 15 ทำให้คอเริ่มดำไหม้ หลอดอาหารอักเสบมาก กินอะไรก็แสบไปหมด นอนก็นอนไม่ได้ เพราะกรดไหลย้อนมาที่คอ ทำให้ต้องนอนในท่าที่สบายที่สุดด้วยการนอนคว่ำเอาหมอนมาหนุนตรงหน้าอกไว้ แต่ก็สะดุ้งตื่นทุก 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่ตลอดตั้งแต่มีการฉายแสง
ซึ่งตอนนั้นในใจคิดว่าคิดบวกดีกว่าคิดลบ เพราะถ้าคิดลบไปมีแต่ผลเสีย ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่า รอหมอตรวจแล้วบอกว่า "คนไข้ครับ ก้อนมะเร็งก้อนมะเร็งมันหายไปไหนมันหายไปได้ยังไง" ตอนนั้นคิดภาวนาทุกวันว่าต้องเป็นแบบนี้ ไม่เคยคิดว่าทำไมต้องเป็นเราไม่เคยคิดว่าทำไมต้องเกิดกับเราทั้งที่อายุอย่างน้อย คิดเสมอว่าไม่เป็นไร มันเป็นเพียงการทดสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่คิดเลยว่ามะเร็งนั้นจะเป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่เคยคิดว่าเป็นมะเร็งจะทรมานขนาดไหน เมื่อเป็นมะเร็งทำเหมือนให้มาพบโลกอีกโลกหนึ่งเลย ว่ายังมีด้านที่เราเข้าไม่ถึงต้องมาเจอด้วยตัวเอง ซึ่งก็ดีแล้วที่ธรรมชาติจัดสรรให้ตนได้มาสัมผัสกับเรื่องตรงนี้ ซึ่งทำให้ความคิดเปลี่ยนไปเยอะมาก จากที่มีความมุ่งหวังว่าอยากเป็นโน่นเป็นนี่ สุดท้ายคิดแค่เพียงว่าเอาแค่โรคนี้หายก็พอ พรุ่งนี้ตื่นมาแค่มีลมหายใจก็ดีแค่ไหนแล้ว ซึ่งคิดในแง่บวกตลอด ส่วนคนรอบข้างก็ให้กำลังใจไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อแม่ ครอบครัวทุกคนให้กำลังใจ
ซึ่งแพทย์ที่รักษายังไม่สามารถที่จะหาสาเหตุได้ว่ามะเร็งปอดที่เป็นนั้นเกิดจากอะไร ในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากว่า พ.ต.ต.รุ่งคุณ เป็นข้าราชการ จึงมีสวัสดิการครอบคลุมการรักษา ซึ่งยามุ่งเป้าที่ใช้ในการรักษาสามารถเบิกจากสวัสดิการได้
พ.ต.ต.รุ่งคุณ อยากจะฝากไปถึงทุกคนว่า ให้ตระหนักในเรื่องของสุขภาพ อย่างตนเองพื้นฐานเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ถ้าพื้นฐานร่างกายไม่ดีมาก่อนอาจจะทรุดหนักไปเลย หากมีเวลาอยากให้ออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงที่สุดถึงแม้ว่าโชคมันจะไม่เข้าข้างเรา แต่ว่าอย่างน้อยมันก็จะไม่รุนแรงไปกว่าคนอื่น หากโรคเกิดกับเราแล้วอยากให้ตั้งสติหาข้อมูลให้เยอะ ๆ "ใจต้องมาก่อน ทำอะไรถ้าถอดใจเมื่อไหร่ ยาตัวไหนก็ช่วยคุณไม่ได้"
ส่วนอาการตนตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว จากที่เคยวิ่งไม่ได้เลยก็วิ่งได้ไกลขึ้นเยอะขึ้น อาการไอลดลงเยอะมาก แต่ยังคงต้องไปทำกายภาพที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งช่วงต้นเดือนธันวาคมแพทย์จะทำการตรวจชิ้นเนื้ออีกครั้งว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง โดยการรักษาหลังจากนี้ไปจะเป็นการรักษาแบบประคอง เพราะหลังจากทำคีโมฉายแสงไปแล้วปรากฏว่าชิ้นเนื้อได้ลามไปที่ตับและกระดูกแล้วด้วย ซึ่งทำให้ยากต่อการรักษาให้หายขาด ทำให้ต้องรักษาเหมือนประคองไปเรื่อย ๆ นอกจากจะทำการรักษาทางการแพทย์แล้ว พ.ต.ต.รุ่งคุณ ยังได้ใช้ธรรมะเข้ามาช่วยเหลือซึ่งได้ไปบวชเป็นพระมา 1 สัปดาห์ และได้สึกออกมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 ซึ่งทำให้ดีขึ้นเยอะมาก ส่วนที่ดีขึ้นเป็นเพราะธรรมะด้วย ทำให้จิตใจนิ่งขึ้น ได้เห็นสัจธรรมของชีวิต
พ.ต.ต.วัชรธร คำชนะชัย สารวัตร(สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลตลิ่งชัน อายุ 32 ปี เพื่อนสนิท เปิดเผยว่า สำหรับเพื่อนตนรู้จักกันมา 15 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนเตรียมทหาร และเป็นเพื่อนร่วมเหล่านักเรียนนายร้อยตำรวจ จบนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 67 ด้วยกัน เพื่อนได้ทราบข่าวของรุ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 3-4 ก็คือเป็นระยะแพร่กระจาย ได้กระจายเป็นต่อมน้ำเหลืองแล้วซึ่งเพื่อนก็ตกใจพอสมควร ทุกคนต่างก็สงสัยเพราะว่าเพื่อนรุ่งเป็นคนที่รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย ไม่สูบบุหรี่ แต่กลับเป็นมะเร็งปอด ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ซึ่งเพื่อนก็ได้ให้กำลังใจมาโดยตลอด
นอกจากการรักษาทางการแพทย์ เพื่อนรุ่งยังไปศึกษาเรื่องธรรมะ แล้วก็เพิ่งไปบวชมาที่ วัดเทพสรธรรมาราม จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 65 ซึ่งเพื่อนรุ่งมีสภาพจิตใจที่ดีพอสมควรและสู้มาก ไม่ว่าร่างกายจะแย่ขนาดไหน ถึงแม้จะมีบ่นบ้างว่าทั้งการให้คีโมและการฉายแสง ทำให้ร่างกายเพื่อนรุ่งนั้นแย่มาก แต่ทุกครั้งที่เพื่อนโทรไปจะไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็นหรือได้ยิน ส่วนตัวเคยนัดกับเพื่อนรุ่งช่วงที่ให้คีโมหนัก ๆ ได้โทรไปถามไถ่ ซึ่งทราบว่าเพื่อนมีสภาพจิตใจที่อ่อนลง ก็เลยนัดพบปะกับเพื่อ ๆ หากมีอะไรให้โทรนัดได้เลยอย่าไปอยู่บ้านคนเดียว ออกมาเจอมาทานข้าวกับเพื่อน ๆ ซึ่งพร้อมที่จะให้กำลังใจเสมอ
ส่วนค่ารักษาพยาบาลนั้นส่วนหนึ่งจะสามารถเบิกได้ตามสิทธิ์ของข้าราชการ แต่จะมีตัวยาบางส่วนที่ไม่สามารถที่จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ มีส่วนต่างตรงนี้ซึ่งเป็นเพื่อนได้คุยกันก่อนว่าถ้ามีส่วนไหนที่พอจะช่วยเหลือได้ก็ขอให้บอกมา แต่ตอนนี้เพื่อนรุ่งก็ยังไม่ได้ร้องขอมา ยังโอเคอยู่
ล่าสุดที่เพื่อนรุ่งได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับอาการป่วยถือว่า ค่อนข้างที่จะเป็นข่าวดี ก่อนหน้านี้ที่พบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 3-4 อย่างที่เข้าใจกันระยะนี้เป็นระยะที่รักษากันหายาก โดยเฉพาะมะเร็งปอด แต่ล่าสุดคุณหมอได้แจ้งว่าชิ้นเนื้อที่นำไปตรวจล่าสุดนั้น เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่จะพบ เพราะเป็นชิ้นเนื้อที่สามารถรักษาให้หายได้ ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดี
Advertisement