เปิดใจ! เจ๊ร้านเค้กยัดเงิน รับใส่ไม่ครบปัดโกง แต่ขอไปหมุนจ่ายหนี้ก่อน (คลิป)

จากกรณีโซเชียลฯ แห่แชร์ร้านทำเค้กประดับด้วยเงิน หรือ Money Cake ร้านหนึ่งในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ที่ใส่เงินมาให้ไม่ครบ อีกทั้งเจ้าของร้านเค้กยังบ่ายเบี่ยงที่จะคืนเงินให้ ยกข้ออ้างสารพัด เช่น ไม่มีธนบัตรใหญ่ในการฝากเงินเข้าบัญชี ติดธุระอยู่กรุงเทพฯ

วันที่ 6 ม.ค. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางเข้าพบ น.ส.โดนัท (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเคยสั่งเค้กประดับด้วยเงินไปเมื่อเดือน ธ.ค. จากร้านดังกล่าว ซึ่งหลังจากโอนเงินไปแล้วทางร้านเงียบหาย เมื่อทวงถามก็ถูกตัดขาดการติดต่อ แต่สุดท้ายทางร้านก็โอนเงินคืนให้

น.ส.โดนัท เล่าว่า ตนไม่เคยสั่งเค้กที่ประดับด้วยเงินมาก่อน แต่ในวันเกิดของน้องสาวคือวันที่ 10 ม.ค. ตนอยากสั่งเค้กดังกล่าวเพื่อเซอร์ไพรส์น้อง ในวันที่ 28 ธ.ค. 65 ตนจึงตัดสินใจติดต่อไปยังร้านเค้กดังกล่าว เนื่องจากตนเห็นร้านนั้นขึ้นโฆษณาในเฟซบุ๊ก ซึ่งทางร้านก็มีเค้กหลากหลายแบบมาให้เลือก แต่ตนตัดสินใจเลือกเค้กเงินราคา 1,700 บาท คือ ใส่เงินใน 1,000 บาท และค่าทำเค้กและค่าส่ง 700 บาท โดยตนได้โอนเงินไปให้ร้านจำนวน 1,700 บาท ในวันที่ 30 ธ.ค. 65 โดยทางร้านจะส่งสินค้ามาให้ที่กรุงเทพฯ ภายในวันที่ 10 ม.ค. 66

จนช่วงวันที่ 5 ม.ค. 66 เวลา 16.46 น. ตนได้ทักไปสอบถามทางร้านแต่ทางร้านไม่ตอบ ในช่วงกลางดึกเวลา 23.47 น. ตนก็ถูกบล็อกเฟซบุ๊ก หลังจากนั้นก็ได้เห็นกระแสในโซเชียลฯ ที่เริ่มจะแฉทางร้านว่าโกงเงิน ในช่วงเวลา 00.44 น. เข้าสู่วันที่ 6 ม.ค. 66 ตนได้ตัดสินใจทักไปหาร้านเค้กผ่านช่องทางในอินสตราแกรม เนื่องจากเพจของร้านในเฟซบุ๊กปิดไป โดยทางร้านชี้แจงว่าไม่ได้โกงเพียงมีปัญหาการสื่อสารกับลูกค้า ส่วนสาเหตุที่ปิดเพจร้านเพราะมีคนเข้าไปคอมเมนต์โจมตีจำนวนมาก

ตนเลยตัดสินใจไม่รับเค้กเงินดังกล่าว ซึ่งทางร้านก็ได้โอนเงินคืนตนจำนวน 1,700 บาท สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกตกใจมาก เพราะไม่เคยถูกร้านค้าออนไลน์โกงมาก่อน ตนยังโชคดีที่มูลค่าความเสียหายของตนไม่มากอีกทั้งยังได้เงินคืน โดยเหตุการณ์นี้ตนก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์แก่สังคม แม้ร้านจะดูดีก็ไม่ใช่ว่าจะไว้ใจได้ การเก็บเงินปลายทางอาจเป็นตัวเลือกที่ดี ผู้บริโภคจะได้ไม่ต้องโอนเงินไปก่อน

ขณะที่ น.ส.ฝน (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนสั่งเค้กซ่อนเงินเป็นประจำอยู่แล้ว เพื่อนำไปเป็นของขวัญให้คนรู้จัก โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 65 ตนได้หาร้านเค้กซ่อนเงินที่ จ.เพชรบุรี เนื่องจากต้นเดือน ส.ค. 65 ตนจะพาคุณแม่ไปเที่ยวที่ชะอำจึงอยากหาร้านเค้กในพื้นที่เพื่อความสะดวกในการจัดส่งนำเค้กมาเซอร์ไพรส์

โดยตนพบเห็นร้านเค้กดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก ตนจึงได้ติดต่อสั่งเค้กซ่อนเงินจำนวน 2,000 บาท ทางร้านคิดค่าทำเค้ก 500 บาท รวมเป็น 2,500 บาท ซึ่งตนก็ได้โอนเงินไปให้ทันที โดยตกลงวันรับสินค้าในวันที่ 7 ส.ค. 65 ที่รีสอร์ตที่ตนพาคุณแม่ไปเที่ยว ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะเนื่องจากร้านที่ตนเคยสั่งเค้กซ่อนที่ผ่านมาเงินมาทุกร้านจะให้โอนเงินไปให้ก่อน เพราะร้านไม่มีเงินสำรองให้

กระทั่งวันที่ 6 ส.ค. 65 ทางร้านทักมาแจ้งตนว่าไม่สามารถทำเค้กให้ได้แล้ว เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการอบเค้กและการขนส่ง ตนจึงขอเงินคืนเต็มจำนวน 2,500 บาท เนื่องจากเสียความรู้สึกที่ร้านเพิ่งจะแจ้งปัญหาก่อนรับสินค้าเพียง 1 วัน โดยทางร้านแจ้งว่าจะโอนเงินคืนในวันรุ่งขึ้น แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดอ้างว่ารอธนบัตรบ้าง รอเงินจากเพื่อนบ้าง ติดปัญหาต่าง ๆ บ้าง จนในวันที่ 2 ก.ย. 65 ทางร้านก็ได้โอนเงินคืนให้ตนจำนวน 1,000 บาท 

จากนั้นตนได้แลกไลน์กับร้านเค้กเพื่อการพูดคุยกันได้สะดวกมากขึ้น แต่สุดท้ายร้านเค้กก็ยังไม่ยอมคืนเงินให้ตนอีก 1,500 บาท ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความในวันที่ 13 ต.ค. 65 ที่ สน.ยานนาวา แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันและแนะนำให้ตนปรึกษาทนายเพื่อฟ้องศาลเนื่องจากเป็นคดีแพ่ง

จนถึง ณ ปัจจุบัน ตนก็ยังคงทักไปสอบถามร้านเค้กอยู่ตลอดในไลน์แต่อีกฝ่ายก็ตอบเพียง “ไม่โกง เดี๋ยวคืน” แต่ไม่เคยคืนเงินสักที กระทั่งวันที่ 6 ม.ค. 66 เวลา 12.33 น. ตนได้ทักไปหาร้านเค้กอีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบตนหลังจากที่โซเชียลฯ มีการแชร์เรื่องราวผู้เสียหาย “เดี๋ยวหนูชดใช้ให้ทั้งหมดนะคะ”

ทั้งนี้ตนคิดว่าร้านเค้กดังกล่าวน่าจะเลือกเหยื่อ โดยมีการมอบเค้กให้กับลูกค้าจริงเพื่อร้านค้าจะได้รีวิวที่ดีไปเรื่อย ๆ สลับกับการโกงเพื่อนำเงินของลูกค้าไปหมุน ซึ่งตนไม่ทราบว่าร้านเค้กนำเงินไปหมุนอะไร เหตุที่เกิดขึ้นแม้มูลค่าความเสียหายของตนจะน้อยและค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องจะมีเพิ่มแต่ตนจะเดินหน้าฟ้องศาล เพื่อเป็นบทเรียนให้กับร้านเค้กดังกล่าว

ุสุดท้ายอยากฝากบอกว่า ณ ปัจจุบัน ร้านค้าออนไลน์ที่ไม่มีหน้าร้านมีอยู่จำนวนมาก ผู้บริโภคต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อหาร้านที่ไว้ใจได้ โดยตนอยากให้ข่าวร้านเค้กเป็นข่าวที่ชวนให้คนในประเทศไทยฉุกคิดเกี่ยวกับกฎหมายไทย เพราะกฎหมายไทยอ่อนแอ จึงก่อให้เกิดร้านค้าที่โกงผู้บริโภคแบบนี้อยู่ตลอด เพราะหากมูลค่าความเสียหายน้อยเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงทนาย ก็ไม่อยากลงมาช่วยเหลือ น.ส.ฝนกล่าว

ด้าน น.ส.นิด (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เจ้าของร้านเค้ก ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเริ่มทำร้านเค้กมาได้ประมาณ 3 ปี โดยในตอนแรกตนเริ่มทำกับแฟน แต่เมื่อปี 65 ตนเลิกกับแฟนโดยแฟนทิ้งหนี้บัตรเครดิตไว้ให้ตนชดใช้หลักแสนบาท ทำให้ตนต้องกู้หนี้นอกระบบจนภาระหนี้พอกเพิ่มพูนขึ้น ต้องจ่ายเงินรายวันวันละ 20,000-30,000 บาท

สุดท้ายตนจึงต้องนำเงินของลูกค้าไปหมุนจ่ายหนี้รายวันแล้วหากู้เงินมาใหม่เพื่อคืนให้กับลูกค้า โดยทุกครั้งที่ตนไม่สามารถหาเงินมาคืนเพื่อทำเค้กให้กับลูกค้าได้ตนก็จะแจ้งปัญหาให้กับลูกค้าทราบเสมอ โดยตนก็จะพยายามหาเงินมาคืนให้โดยเร็วที่สุดเพราะบางครั้งตนหมุนเงินไม่ทันจริง ๆ

อย่างกรณีที่โลกโซเชียลฯ แชร์ล่าสุดตนได้โอนเงินคืนไปให้ลูกค้าตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมาแล้ว จำนวน 50,000 บาท ในวันที่ 5 ม.ค. 66 จำนวน 10,000 บาท วันที่ 6 ม.ค. จำนวน 87,750 บาท และค่าทำเค้กอีก 800 บาท ซึ่งครบจำนวนที่ตนติดไว้ทั้งหมดแล้ว โดยเป็นเงินที่พ่อของตนไปหยิบยืมหามาให้

ส่วนที่ตนปิดเพจของร้านเนื่องจากตนตกใจเพราะตนถูกคอมเมนต์ถล่มแต่ตนไม่ได้คิดหนี ตนขอโทษลูกค้าทุกท่านที่ตนสร้างความไม่สบายใจให้ แต่ตนยืนยันว่าตนไม่ได้หนีไปไหน ตนไม่ได้โกง ตนผิดเองที่ทำลายความเชื่อใจของลูกค้า จากนี้ตนจะไม่ทำแบบนี้แล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าตนจะมีที่ยืนในสังคมหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากใครที่ยังไม่ได้รับเงินคืนก็สามารถติดต่อมาหาตนได้ตลอดตนจะชดใช้เงินคืนให้อย่างแน่นอน น.ส.นิด กล่าว