หมอปลาย พรายกระซิบ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Plai Navaracha หมอปลาย พรายกระซิบ เผยภาพประทับใจที่สุด ซึ่งถ่ายเองกับมือในป่าที่ประเทศที่ออสเตรเลียเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหมอปลายบอกว่าเชื่อถอะว่า "มนุษย์ต่างดาว" มีจริง
วันที่ 17 ก.พ. 66 "หมอปลาย" เผยเรื่องราวว่า รูปที่เคยถ่ายติดยูเอฟโอ เป็นรูปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เหตุผลที่อยากโพสต์เพราะตนมีประสบการณ์ตรง เป็นคนถ่ายติดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูปตัวเล็ก ๆ สมัยนั้นโทรศัพท์ยังเซลฟี่ไม่ได้ และก็ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่มันเป็นป่าฝน เพราะฉะนั้นป่าฝนแสงจะไม่เยอะ มันจะมีแต่ฝน มีความชื้น มีต้นไม้เยอะ และก็นั่งรถตู้กัน ไปอยู่ประมาณ 4-5 คน ก็ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ และกล้องก็พัง พอกล้องพังก็ส่งให้เพื่อน เพื่อนก็ไปรื้อภาพดูก็เจออยู่รูปเดียวก็คือรูปที่โพสต์
หากถามว่ามีความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวก่อนหน้านี้ไหม ต้องบอกว่าไม่เคยเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาก่อน แต่พอมาเจอรูปที่ตนถ่ายได้ ก็เลยเกิดความเชื่อ และก็ตกใจมาก เพราะรูปอื่น ๆ หายหมดเลย เหลืออยู่รูปเดียว และเป็นรูปที่มันชัดเจนมาก จะว่าไปผีที่ตนเคยเห็นก็ไม่ใช่หน้าตาแบบนี้ ในป่าก็ไม่มีคน เพื่อนก็เป็นต่างชาติ ต่างศาสนา เขาก็เห็นเหมือนกัน เขาก็บอกว่ามันไม่ใช่ผี และมันก็ไม่ใช่คน มันจะต้องเป็นมนุษย์ต่างดาว ต้องเป็นเอเลี่ยนแน่ ๆ และหลังจากนั้นก็เลยเริ่มศึกษาเรื่องพลังงาน ก็เลยเริ่มเชื่อ
ภาพที่ออกมาคือมาเห็นพร้อมกันหมดตอนล้างรูปแล้ว เพราะตอนอยู่ในทุกคนก็เห็นแต่ป่า และตนล้างรูปที่ต่างประเทศ เพื่อนเป็นคนเอาไปล้างและส่งภาพผ่านอีเมลมาให้ และก็มีการแจ้งว่าล้างที่อยู่ออสเตรเลีย คงไม่ได้มีระบบการล้างรูปที่แย่ หรือล้างออกมาจะห่วยแตก ออกมาเป็นสีสันขนาดนี้ และพอเรียนจบก็แยกย้าย ที่เราเก็บไว้ก็เพราะประทับใจ
ถ้าถามว่าเคยสื่อถึงมนุษย์ต่างดาวได้ไหม ตนไม่เคย แต่มันมีครั้งหนึ่งตนเคยไปที่อเมริกา มีแหล่งรวมน้ำ 4 น้ำ ก็คือ น้ำฝน น้ำเขา น้ำแร่ น้ำมหาสมุทร และก็มีความรู้สึกว่าผีไม่ใช่ผี เพราะตนเห็นผีที่ตรงนั้นมีความรู้สึกแปลก ๆ มีพลังงานที่มันไม่น่าใช่มีบนโลก แต่มาจากหิน ก็ไม่ได้ฝังใจว่าตนเองติดต่อได้ เพราะยังไม่เคยรู้สึกชัดเจนขนาดนั้นว่ามาจากดาวนั้นดาวนี้ ไม่เคยรู้สึกเลย แต่ตนแค่เชื่อว่าเราถ่ายได้
ในปัจจุบันเริ่มรู้สึกเห็นเยอะขึ้น ถ้าถามถึงการเปลี่ยนแปลง คิดว่าส่วนตัวมันจะมีการเปลี่ยนแปลง และก็น่าจะเป็นอะไรที่คนเห็นเยอะขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นเดินตามถนน แต่น่าจะแยกไม่ออกว่ามาดีหรือมาร้าย หรือเป็นเครื่องบิน หรือโรคแปลก ที่ยังหาทางออกไม่ได้ อย่างที่ท่านยมบาลเคยเตือนไว้ว่าจะมีอะไรมาจากนอกโลก หรือว่าจะสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้น หรืออาวุธที่เกิดจากเราไม่ได้ผลิต คิดว่าเขามาใกล้เรามากขึ้น เหมือนที่พวกเราพยายามอยากใกล้เขา
สิ่งที่มีเขาเข้ามามีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่ก็ด้วยความเป็นมนุษย์ เราไม่รู้อากาศเขาเป็นอย่างไร ความคิด ทัศนคติเขา ความแตกต่างทางความคิด ความเป็นอยู่เขา มุมมองเขาอาจจะเห็นเราเป็นศัตรู หรือจะเห็นว่าโลกของเรามีทรัพยากรสมบูรณ์ เขาอาจจะช่วย แต่ช่วยและแฝงด้วยการหวังน้ำ หวังอากาศ หวังแร่ธาตุหรือไหม ในอนาคตเราไม่ทราบ
สุดท้ายอยากเตือนอะไรกับคนที่กำลังสับสน ต้องบอกเลยว่ามีกลุ่มลัทธิที่ติดต่อได้ แต่อันนี้มันคือคลื่น เหมือนว่าเราจูนคลื่นไหนติด คลื่นนี้เจอผี เทพ เจ้าที่ เพราะฉะนั้นการจูนนั้นก็อาจจะเจอทั้งดีและไม่ดี อีกอย่างเขาก็เรียนภาษาจากเรา เราก็ต้องเรียนจากเขา ซึ่งต้องอาศัยการแปล และอาจจะมีการผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนกันบ้างได้เหมือนกัน และตนเชื่อว่ามีคนบนโลกพยายามติดต่อเขา หรือประเทศที่พัฒนาแล้วติดต่อกับเขา ด้วยการติดต่อต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก มีนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามหาทางสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวอยู่ และอยากฝากว่าเลือกช่องทางการสื่อสารให้ถูกต้อง
ด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ตนเคารพความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ จึงถูกตั้งชื่อว่า UFO ซึ่งย่อมาจากคำว่า Unidentified Flying Object แปลเป็นไทยว่า "วัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้"
ในส่วนของภาพถ่ายที่มีการเผยแพร่เป็นรูปมนุษย์ต่างดาวสีม่วงนั้น ตนมองว่าเป็นการถ่ายย้อนแสง เพราะเงาดังกล่าวมีส่วนของสีรุ้งที่เกิดจากการหักเหของแสง ขณะเดียวกันสีม่วงก็เป็นส่วนหนึ่งของรุ้ง ซึ่งการที่จินตนาการเป็นมนุษย์ต่างดาวนั้น ในทางจิตวิทยาเรียกว่า "อาการคิดไปเอง"
อ.อ๊อด ได้ทดสอบใช้กล้องถ่ายแฟลชของโทรศัพท์ พบว่ามีลำแสงสะท้อนออกมา เกิดจากการหักเหของแสง และน่ามหัศจรรย์ใจมาก เมื่อแฟลชจากโทรศัพท์ของ อ.อ๊อด ทำให้แสงปรากฏเหมือนกับมนุษย์ต่างดาวได้ภายในไม่กี่วินาที
Advertisement