เทคนิคเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำใจ ช่วยประหยัดไฟแถมเซฟเงินในกระเป๋า เลือกแอร์แบบไหนดี ประหยัดไฟ เย็นสบายทุกซัมเมอร์
แม้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้วแต่อากาศที่ร้อนอบอ้าวทั้งในช่วงเวลากลางวันและก่อนฝนตก ทำให้หลายคนยังต้องเปิดแอร์เพื่อช่วยให้อากาศภายในบ้านยังเย็นสบาย วันนี้จึงนำเทคนิคการใช้แอร์ที่ช่วยประหยัดไฟและเงินในกระเป๋ามาฝาก
เลือกแอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดไฟ
โดยสังเกตจากฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและประหยัดไฟยิ่งกว่าเดิมเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีฉลากเบอร์ 5 ยิ่งดาวมากยิ่งประหยัดไฟมาก พร้อมทั้งดูแลอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอ
เลือกแอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง
โดยพิจารณาจากค่า BTU/hr (British Thermal Unit per hour) ซึ่งเป็นหน่วยสากลที่ใช้วัดขนาดความเย็นของแอร์ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประหยัดพลังงาน คนส่วนใหญ่มักเลือกซื้อแอร์ขนาดใหญ่เพื่อให้ห้องเย็นเร็วขึ้นซึ่งเป็นการตัดสินใจไม่ถูกต้อง เพราะการใช้แอร์ที่มี BTU สูงเกินความจำเป็นกับขนาดห้องจะทำให้คอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานของแอร์ลดน้อยลง และทำให้ภายในห้องมีความชื้นสูงส่งผลให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่สบายตัว รวมถึงมีราคาแพงเกินความจำเป็น แต่หากเลือกแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไป การทำความเย็นจะช้า ไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ รวมถึงคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักจนเกินไป ทำให้แอร์เสียเร็ว สิ้นเปลืองพลังงาน และค่าไฟแพงขึ้น
เลือกตำแหน่งติดตั้งแอร์และคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสม
โดยหลีกเลี่ยงการติดตั้งแอร์ในทิศตะวันตก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะโดนแสงแดดส่องในช่วงบ่ายทำให้ความร้อนสูง แอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น เช่นเดียวกับการติดตั้งคอมเพรสเซอร์ให้หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นพื้นปูน ดาดฟ้า มุมอับที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท หรือได้รับแสงแดดโดยตรง เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์เป็นอุปกรณ์ระบายความร้อนจึงควรอยู่ในที่ร่ม และยกสูงเหนือพื้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้นและประหยัดพลังงาน
เปิดแอร์ 26-27 องศา พร้อมพัดลม
การเปิดพัดลมช่วยไล่ความร้อนภายในห้องก่อนเปิดแอร์ โดยเพิ่มอุณหภูมิแอร์ไปที่ 26-27 องศาเซลเซียส จะช่วยลดอุณหภูมิลงได้ 2 องศา แต่ประหยัดไฟมากกว่าการเปิดแอร์ที่ 23-24 องศาเซลเซียส ช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10%
ล้างแอร์ทุก 6 เดือน
เมื่อแอร์ผ่านการใช้งานไปนาน ๆ แม้เปิดในอุณหภูมิที่ต่ำแล้ว แต่ผู้ใช้งานยังไม่รู้สึกเย็น เพราะภายในแอร์มีฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกสะสมอยู่ ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น การล้างแอร์ทุก 6 เดือน จึงทำให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปล่อยลมเย็นได้เหมือนเดิม ประหยัดค่าไฟได้มากถึง 10% โดยที่ผ่านมา กฟผ. ได้ร่วมกับพันธมิตรดำเนินโครงการ “ล้างแอร์ช่วยชาติ” เพื่อสนับสนุนให้คนไทยร่วมใจลดใช้พลังงาน ล้างแอร์ไปแล้วกว่า 15,000 เครื่อง ช่วยประหยัดพลังงานได้กว่า 2.26 กิกะวัตต์-ชั่วโมง (GWh) หรือเปรียบเทียบเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลง 17.93 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 1,000 ตัน
ขอบคุณข้อมูลจาก กฟผ.
Advertisement