พี่เขยเหี้ยมย่องเข้ามอบตัว หลังถูกกดดันจากจนท.รับสารภาพลงมือฆ่าน้องเมียยัดกระสอบ อ้างเพราะป้องกันตัว ด้านลูกชายและอดีตภรรยารู้สึกโล่งใจที่จับคนร้ายได้ เพราะถูกสังคมมองว่าเป็นคนทำ ตกใจที่คนลงมือเป็นคนใกล้ตัวมาก
8 มิ.ย.67 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภาค 5 ร่วมกับ พ.ต.อ.ชัยเสถียร มณีจักร รองผบก.ภ.จว.แพร่,พ.ต.อ.มนัส เกิดสุโข ผกก.สส.ภ.จว.แพร่,พ.ต.อ.สวโรจน์ อินธนะวงษ์ชัย ผกก.สภ.หนองม่วงไข่ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายสมาน อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาฆ่าน้องเมีย คือนายโชคชนะ อายุ 58 ปี จนเสียชีวิต แล้วนำศพมัดกระสอบไปทิ้งข้างทางห่างจากจุดเกิดเหตุกว่า 50 กิโลเมตร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67ที่ผ่านมา จนมีผู้พบศพในวันที่ 1 มิ.ย.67 ก่อนเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 7 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมา เนื่องจากทนแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ไม่ไหวและจำนนด้วยหลักฐานที่ทางตำรวจรวบรวมมาได้ จากนั้นจึงได้สอบปากคำเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นนายสมานยังให้การวกวนแต่จากพยานหลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นสอดคล้องกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเก็บหลักฐานและพาผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพทันทีและได้ตั้งข้อหา 2 ข้อหา คือทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตและปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ
โดยพล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภาค 5 แถลงว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานให้พร้อม ซึ่งในระหว่างนั้นหากสังเกตผู้ต้องหาพยายามเบี่ยงเบนทำให้เจ้าหน้าที่สับสนเจ้าหน้าที่จึงต้องสืบพยานหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติม เบื้องต้นคำให้การของผู้ต้องหาไม่ตรงกับหลักฐานที่มีเพราะผู้ต้องหาให้การว่ากลับจากงานศพก็อยู่แต่ที่สวนไม่ได้ออกไปไหน ซึ่งไม่ตรงกับกล้องวงจรปิดเนื่องจากเค้ามีการเข้าออกตลอดเวลาหลังจากทำร้ายผู้เสียชีวิตเสร็จเขาได้กลับไปเอารถซาเล้งที่บ้านย้อนกลับมาขนศพใส่ซาเล้งแล้วนำไปทิ้ง คำสารภาพสอดคล้องกับวัตถุพยานที่มีซึ่งเรามีหลักฐานพอที่จะออกหมายจับ เขาเองก็สำนึกผิดขอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอมอบตัวมาก่อน
ทางด้าน พ.ต.อ.มนัส เกิดสุขโข ผกก.สส.ภ.จว.แพร่ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาพบกันที่บ้านงานศพ โดยผู้ต้องหาออกจากงานไปก่อนและผู้เสียชีวิตตามออกไปบ้านของผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหานั้นอยู่ติดกันโดยผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าขณะที่อยู่ในสวนนั้นผู้เสียชีวิตมาหาที่สวน และใช้ไม้ตีผู้ต้องหาก่อนผู้ต้องหาจึงใช้จอบตีไปบริเวณกรามด้านซ้ายและต้นคอติดกันจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งจอบได้ทำการเก็บดีเอ็นเอตรวจเพิ่มเติมพฤติการณ์คือผู้ต้องหาใช้กระสอบในสวนใส่อำพรางศพและนำศพใส่รถซาเล้งพ่วงข้างอำพรางและนำศพไปทิ้งระยะทางจากที่เกิดเหตุไปจุดที่พบศพห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร หลังนำศพไปทิ้งได้นำผ้าสแลนไปทิ้งบริเวณแม่น้ำยม ผู้ต้องหาอ้างว่าคนตายวิ่งเข้าไปหาลักษณะโกรธแค้นและด่าพ่อแม่เขา เขางงและผู้ตายถือไม้เข้าไปตีผู้ต้องหาจึงใช้จอบตีสวนกลับเป็นคำให้การในเบื้องต้น
ทางด้าน นายนันทิพัฒน์ ลูกชายผู้ตาย เผยว่า รู้สึกเสียใจครับที่ญาติเป็นคนทำตอนไปรับศพพ่อยังไปด้วยกันอยู่เลยมารับที่บ้านไปรับศพด้วยกันผมไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย เพราะคิดว่าเป็นญาติเลยไม่เอะใจซึ่งก่อนหน้านี้ก็รู้ว่ามีปัญหากัน แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้ฝากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีด้วยความเป็นธรรมและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ทางด้าน นางสมพร อดีตภรรยา เผยว่า หลังจากที่ทราบว่าลุงเป็นคนทำร้ายก็ตกใจไม่คาดคิดว่าแกจะเป็นคนทำมาก่อนคิดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากปัญหาทางธุรกิจมากกว่า ซึ่งหลังจากที่ทราบตัวคนที่ก่อเหตุตนเองรู้สึกสบายใจมากเพราะพ้นจากข้อกล่าวหา สำหรับเรื่องการกล่าวหาว่าตนเองและลูกชายเป็นคนทำนั้นตอนแรกก็โกรธแต่มาคิดไตร่ตรองแล้วน้องเขาก็เด็กคงไปฟังหลายไปคนพูดมา ตอนนี้ก็ไม่ติดใจอะไรแล้วลุงหมานเองก็ไม่มีพิรุธอะไรเลยแกทำตัวปกติมาก แต่มีวันเผาศพแกมากอดลูกชายแล้วพูดกับลูกและตนว่า หากพ่อไม่ตายพวกเองไม่มีใครติดคุกหรอก หลังเข้ามอบตัวผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์นายสมานแต่ก็ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไรเลยบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดให้สัมภาษณ์
Advertisement