ย้อนไทม์ไลน์ คดี "พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์" อุ้มฆ่าอำพราง "เสี่ยชูวงษ์" ปมปลอมลายเซ็นโอนหุ้นหลายร้อยล้าน ก่อนจบที่ ศาลฎีกาพิพากษายืนให้ประหารชีวิต
จากกรณีที่วันนี้ (27 มิ.ย.) ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา คดีที่นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ กับพวก และพนักงานอัยการ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต สส.นครสวรรค์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ทั้งนี้ คำพิพากษาฎีกา พิพากษายืนให้ประหารชีวิตจำเลย ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)(7) ประกอบมาตรา 83 ฎีกาทุกข้อของจำเลยฟังไม่ขึ้น
สำหรับไทม์ไลน์คดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อุ้มฆ่า เสี่ยชูวงษ์ เริ่มจาก
• บรรยินขับ เสี่ยชูวงษ์ตาย ดูคล้ายเป็นอุบัติเหตุ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.58 พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ขับรถยนต์เลกซัส สีดำ หมายเลขทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยชูวงษ์ อายุ 50 ปี เพื่อนสนิท นั่งด้านข้าง ก่อนจะไปประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ เป็นเหตุให้เสี่ยชูวงษ์ เสียชีวิต ส่วน พ.ต.ท.บรรยิน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดย พ.ต.ท.บรรยิน ให้การกับตำรวจว่า เสี่ยชูวงษ์ ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย จึงอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิต เหตุเกิดริมถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ระหว่างซอย 48 กับซอย 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ
• ภรรยาเสี่ยชูวงษ์ พบพิรุธปมโอนหุ้น คาดเป็นชนวนเป็นฆาตกรรมอำพราง
ต่อมาภรรยาและบุตรชายของเสี่ยชูวงษ์ พบว่าเสี่ยชูวงษ์โอนหุ้นจำนวน 9.5 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ให้กับพริตตี้สาวที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเสี่ยชูวงษ์ และโบรกเกอร์สาวบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งมูลค่าเกือบ 30 ล้าน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า หญิงทั้งสองคนมีความสนิทสนมกับ พ.ต.ท.บรรยิน ทางครอบครัวเชื่อว่าการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ไม่น่าจะเป็นอุบัติเหตุ แต่คือการฆาตกรรมอำพราง
นอกจากนี้ยังพบพิรุธจากพยานหลักฐานที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนได้ เช่น ระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์จากสนามกอล์ฟมาถึงจุดเกิดเหตุ ความเร็วของรถยนต์ขณะชนที่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังพบแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะของเสี่ยชูวงษ์อีกด้วย
• ยิ่งสืบ ยิ่งสาว ยิ่งเจอพิรุธเพียบ สู่การออกหมายจับ
ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนในเรื่องภรรยาของเสี่ยชูวงษ์สงสัยว่า สามีอาจถูกฆาตกรรมกรณีโอนหุ้น โดยตำรวจพบว่า พ.ต.ท.บรรยินปลอมลายเซ็นของเสี่ยชูวงษ์ แล้วโอนหุ้นไปให้พริตตี้และโบรกเกอร์สาวคนสนิทของตนเอง
ต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร โดย พ.ต.ท.บรรยิน ได้เข้ามอบตัวและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
กระทั่งวันที่ 28 มิ.ย.59 ศาลอาญาพระโขนงได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังมีหลักฐานชี้ชัดว่า พ.ต.ท.บรรยิน มีส่วนพัวพันฆ่าอำพราง เสี่ยชูวงษ์ โดยเชื่อได้ว่ามีการใช้ของแข็งทุบตีเสี่ยชูวงษ์ จนถึงแก่ความตาย ก่อนจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ ซึ่งพบพิรุธไม่สมเหตุสมผลหลายเรื่อง เช่น ความเร็วของรถขณะชน ไม่มีร่องรอยการเบรก ขนาดของต้นไม้ที่ไม่น่าจะทำให้ถึงแก่ความตายได้ ไปจนถึงรถยนต์ที่มีความเสียหายที่น้อยกว่าเหตุที่เกิดขึ้น
• สู้คดีกันยาวนาน ศาลแรกใช้เวลาถึง 5 ปี ก่อนตัดสินประหารชีวิต
พ.ต.ท.บรรยิน ได้ต่อสู้คดีนี้มาอย่างยาวนาน โดยในขณะนั้นยังเกี่ยวโยงไปถึงคดีพี่ชายของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี โอนหุ้น "เสี่ยชูวงษ์" ที่ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลย ได้หายตัวไป ก่อนที่ตำรวจจะจับกุมผู้ต้องหาได้ แล้วสารภาพว่า พ.ต.ท.บรรยิน เป็นผู้สั่งการให้ลงมือฆาตกรรมอำพรางศพโดยโยนทิ้งแม่น้ำในเขต จ.นครสวรรค์
กระทั่งวันที่ 20 ม.ค.2564 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยกับพวก เป็นการร่วมกันกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิด เพื่อปกปิดความผิดของตน หรือเพื่อเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ คบคิดกับพวกด้วยการวางแผนและลงมือฆ่าผู้ตาย ปกปิดการกระทำโดยสร้างเรื่องและอำพรางคดีว่าสาเหตุการตายของผู้ตายเกิดจากอุบัติเหตุ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7) ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต
• บรรยิน ดิ้นต่อขออุทธรณ์ ศาลสั่งยืนลงโทษประหารชีวิต
วันที่ 25 ส.ค.2565 ศาลอาญาพระโขนง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงโทษให้ประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วเห็นว่าพบหลักฐานหลายอย่างที่มัดตัว พ.ต.ท.บรรยิน อีกทั้งศาลอาญาใต้ พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 8 ปี ฐานโอนหุ้นโดยทุจริตมีจำเลยเกี่ยวข้อง และผู้รับโอนก็มีความสัมพันธ์กับจำเลย ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าจำเลยต้องการปกปิดการโอนหุ้นไม่ให้ผู้ตายรู้ จึงลวงมาทำการฆาตกรรมโดยใช้ของแข็งประทุษร้ายจนตาย จากนั้นจำเลยขับรถและใช้มือซ้ายประคองร่างมาจุดเกิดเหตุ ก่อนจะจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุชนต้นไม้เสียชีวิต
• ศาลสุดท้าย ไม่พลิกโผ สั่งยืนประหารชีวิต บรรยิน เซ่นปมโอนหุ้นจัดฉากฆ่าเพื่อนสนิท
วันที่ 27 มิ.ย.2567 ศาลอาญาพระโขนงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือ เสี่ยชูวงษ์ นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ กับพวก และพนักงานอัยการ ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-5 ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และอดีต สส.นครสวรรค์หลายสมัย เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
ศาลฎีกา มีคำพิพากษายืนให้ประหารชีวิตจำเลย ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)(7) ประกอบมาตรา 83 ฎีกาทุกข้อของจำเลยฟังไม่ขึ้น ปิดฉากคดีฆาตกรรมเพื่อนสนิท ที่สุดแสนจะอำมหิตและซับซ้อน
Advertisement