นับเข้าวันที่ 71 แล้ว สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ ที่ไปพบศพบนเขาภูเหล็กไฟ จ.มุกดาหาร ห่างจากบ้าน ประมาณ 1.2 กม. โดยในช่วงแรก ๆ นั้นมีพยานซึ่งเป็นเด็กแก๊งจำปา ให้ข้อมูลอ้างว่าเห็นชายร่างใหญ่เสื้อส้มอุ้ม เหมือนคนตัดอ้อย ปิดบังใบหน้า คาดอาจจะเป็นเบาะแสของคนร้ายได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ล่าสุดวันที่ 21 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาตรงจุดที่พบเสื้อส้ม ซึ่งอยู่ในสวนของ นายตุง อวนวัง ที่ดินติดกับห้วยบุง ห่างจากบ้านของน้องชมพู่ราว 500 เมตร และห่างบ้านลุงพล 600 เมตร ซึ่งหากเดินลัดเลาะไปตามห้วยบุง ไปหลังบ้านลุงพล ระยะราว 200 เมตร ถนนทางเข้าพบว่าต้องผ่านบ่อเลี้ยงหนูที่ดินของแม่น้องชมพู่ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงหนูแล้ว ใช้เพียงปลูกผักหวาน อยู่ใกล้กับสวนยางพาราที่เจอเสื้อ ห่างกันราว 50 เมตร
โดยเสื้อสีส้มดังกล่าว ยังถูกยัดไว้ใต้ขอนไม้ ลักษณะม้วนไว้ ใกล้กันยังมีเสื้อยืดสีขาวถูกรัดเอาไว้กับกิ่งไม้ที่ติดกับพื้น ทีมข่าวสอบถาม นางชนาภา เชื้อคมตา เมียของนายนริน หนึ่งในกลุ่มคนที่ไปเจอเสื้อสีส้มซุกไว้ใต้ขอนไม้ ซึ่งอยู่ในที่ดินของนายตุง อวนวัง เปิดเผยว่า ตนเข้ามาเจอเสื้อสีส้ม ที่เป็นเสื้อแจกจากการซื้ออุปกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 20 ก.ค.63 ช่วงเวลา 15.00 น. โดยยัดเอาไว้ใต้ขอนไม้
ทั้งนี้ตนกับเพื่อน ๆ รวม 5 คน มีตน เมียผู้ใหญ่ ป้ายเอม แหลม อีกคนขอไม่เปิดชื่อ ได้นัดกันไปหาหน่อไม้มาทำกับข้าวต้อนรับนายสิระ เจนจาคะ โดยจุดที่พบอยู่ภายในก่อหน่อไม้ ซึ่งต้องรอดเข้าช่องไม้ไป โดยเมียผู้ใหญ่บ้านเข้าไปก่อน ตนก็คลานตามไป จากนั้นเพื่อน ๆ ก็ตามมาอีก โดยเมื่อเมียผู้ใหญ่เจอก่อน ก็บอกตนให้ไปดู ต่างคนก็ตกใจ จึงถ่ายรูปเอาไว้ แต่ความเก่าของเสื้อ ยังไม่เก่ามาก ส่วนตัวไม่แน่ใจเสื้อเป็นของอะไร รู้ว่าสีส้ม ลักษณะม้วนอยู่ใต้ขอนไม้
อย่างไรก็ตาม ปกติตนก็ไม่ค่อยเข้ามาที่จุดนี้ หากจะมาก็หาใกล้ ๆ บ้าน จุดที่พบเสื้อสีส้ม ยอมรับว่าลับตาคน อยู่ติดลำห้วย ขนาดเสื้อก็ยังไม่รู้ หากเสื้อถูกยัดเอาไว้แบบนี้ ตนก็ต้องบอกว่าต้องมีคนยัดเอาไว้ หากจะทิ้ง คนทำสวนก็คงทิ้งเลย ไม่จำเป็นต้องยัดเอาไว้แบบนี้ ส่วนตัวเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านก่อน และตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเบาะแสอะไรได้ ยอมรับว่าเสื้อมาอยู่จุดนี้มันก็แปลก ตนติดตามข่าวจึงคิดว่าสอดคล้องกับชายเสื้อส้มที่มีคนพบเห็นหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทันสังเกตว่ามีอะไรอยู่ใกล้จุดพบเสื้อเลย หลังจากเจอเสื้อตนตกใจก็ออกมาเลย ไม่ได้เอาหน่อไม้ที่จุดนั้น และเดินไปหาที่จุดอื่น ตนไม่ทราบว่าในเสื้อจะมีอะไรไหม ตนไม่รู้ว่าเป็นของใคร
หลังจากที่มีการเจอเสื้อสีส้มซุกอยู่ในโพรงไม้ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ ได้เดินทางมาดูเสื้อตัวดังกล่าว และเปิดเผยว่า เมื่อได้ดูเสื้อก็ดูรู้ว่าถูกซ่อนไว้เป็นเวลานาน เนื่องจากปลวกเริ่มทำรังบริเวณเสื้อแล้ว ดูจากภายนอกตนมองว่าเหมือนเสื้อที่แถมมาจากการซื้อรถไถ ซึ่งเป็นเสื้อที่ตนก็มี แต่เสื้อที่แถมจากการซื้อรถไถของตนก็ยังอยู่ เพราะเสื้อแต่ละตัวจะได้มาต่อเมื่อซื้อรถไถ และถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือจ่ายค่างวดเท่านั้น ซึ่งคนที่จะมีเสื้อแบบนี้เฉพาะบ้านที่มีรถไถเท่านั้น ซึ่งตนก็แปลกใจว่าทำไมต้องนำเสื้อมาซุกเอาไว้ตรงจุดนี้ ส่วนพื้นที่ตรงนี้เป็นของชาวบ้าน และตนคิดว่าหลักฐานชิ้นสำคัญ เพราะถ้าคนจะทิ้งเสื้อผ้าอะไรบางอย่าง ไม่น่าจะต้องซุกอย่างนี้
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางพรศรี เงินนาม ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านที่พบเสื้อส้มเป็นคนแรก ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่าเมื่อวานนี้ เวลา 15.00 น. ขณะที่ตนกำลังคลานเข้าไปหาหน่อไม้ ตนก็เจอกับเสื้อสีส้มแถบขาว ที่อยู่ในภาพม้วนอยู่ใต้ขอนไม้ สภาพถูกทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือน และตนก็คิวดว่าเสื้อตัวดังกล่าว น่าจะไม่ใช่เจ้าของสวนเอามาทิ้งไว้ เพราะลักษณะเหมือนถูกเอามาซ่อนไว้มากกว่า
โดยจุดที่เจอเสื้อส้ม อยู่ติดกับคลองบุง ตนก็คิดว่าเสื้อส้มไม่น่าจะไหลมากับสายน้ำ ถ้าไหลมาตามน้ำต้องวางกระตัดกระจาย คิดว่ามีคนมาซุกซ่อนไว้มากกว่า ทั้งนี้ตนก็คิดว่าเสื้อส้มตัวดังกล่าว น่าจะเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่ เนื่องจากแก๊งจำปาก็เคยให้ข้อมูลว่า เห็นชายใส่เสื้อสีส้ม และเท่าที่ตนสังเกต เสื้อส้มที่ตนเจอส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อที่แจกให้คนที่ซื้อรถไถนา และจุดที่เจอเสื้อส้ม ก็เป็นจุดลับตาคน ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะไม่ค่อยไปตรงนั้น กระทั่งตนและชาวบ้านเข้าไปหาหน่อไม้ จึบได้เจอเสื้อสีส้มตัวดังกล่าว
ย้อนกลับไปเมื่อวาน วันที่ 20 ก.ค.63 จังหวะที่ตนเจอเสื้อสีส้ม ตนก็ตกใจ ถึงขนาดเรียกเพื่อน ๆ มาดู และปรึกษากัน กระทั่งได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ และตนก็ยังรู้สึกหวาดระแวงอยู่เล็กน้อย ที่เป็นคนออกมาเปิดเผยเบาะแสเสื้อสีส้มดังกล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มาพูดคุยกับนางย้อม ชาวบ้านกกกอก ที่เจอเสื้อส้มเป็นคนที่สอง เล่าว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค.63 เวลาประมาณ 15.00 น. ตน และนางแหล่ เมียผู้ใหญ่บ้าน นางชนาภา ภรรยานายนริน และแม่แพม ชาวบ้านกกกอกรวม 4 คน ได้ไปหาหน่อไม้ที่บริเวณห้วยบุง กระทั่งพวกตนได้เดินเรียงหน้ากระดานที่ริมห้วย โดยมีนางแหล่ เดินนำหน้าตนประมาณ 3 ก้าว จากนั้นก็ได้ตะโกนขึ้นมาว่า “มาดูอะไรนี่พวกเธอ มาดูเสื้อสีส้ม”
ทั้งนี้ตนและชาวบ้านรวม 4 คน ก็ได้มามุงดูเสื้อสีส้ม ตามที่นางแหล่เจอ ลักษณะเป็นเสื้อส้ม แถบขาว มีตัวหนังสืออยู่ด้านหลัง เสื้อได้ถูกพันซุกไว้ใต้ขอนไม้ ไม่สามารถอ่านตัวหนังสือที่อยู่ด้านหลังได้ และตัวเสื้อก็มีปลวกขึ้น คาดว่าเป็นเสื้อที่ถูกนำมาซ่อนไว้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งพวกตนและชาวบ้านก็ได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อดี กระทั่งได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตอนที่พวกตนเจอเสื้อ ก็ไม่มีใครไปแตะต้องเสื้อแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามนางแย้ม ยังบอกอีกว่า จุดที่เจอเสื้อนั้นอยู่ใกล้กับห้วยบุง ที่เชื่อมไปด้านหลังบ้านลุงพลได้ แต่ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยเห็นลุงพลใส่เสื้อสีส้ม เคยเห็นแต่ลุงพลใส่เสื้อสีเทา และสีฟ้า ส่วนเสื้อส้มจะเป็นเสื้อของใคร หรือจะเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่หรือไม่นั้น ตนก็ไม่อาจตอบได้ คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านกกกอก ไปพูดคุยกับ นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่ ได้พาทีมข่าวไปดูเสื้อสีส้มที่แถมมากับรถไถ และพาไปดูรถไถ ซึ่งทั้งเสื้อและรถไถนั้นมีชื่อร้านที่ซื้อมา โดยเสื้อของนายอนามัยนั้น แตกต่างจากเสื้อที่เจอในโพรงไม้ เพราะเสื้อที่เจอเป็นหลักฐานนั้นเป็นชื่ออีกร้านหนึ่ง
นายอนามัย เปิดเผยว่า ตนก็รู้สึกดีใจที่เจอเสื้อส้มในโพรงไม้ ซึ่งเสื้อที่เจอไม่เสื้อของตน เพราะตนยังมีเสื้ออยู่ที่บ้าน สำหรับภาพที่ถูกเผยแพร่ตอนที่ตนใส่เสื้อสีส้มนั้นเป็นเรื่องที่นานมากแล้ว ประมาณ 5-6 ปี ก่อน ซึ่งตนเคยใส่เสื้อสีส้มตัวนี้เมื่อตอนถ่ายภาพซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่ตนลงเกี่ยวข้าว สาเหตุที่ตนไม่ได้ใส่เสื้อสีส้มนั้นอีก เพราะเมื่อใส่แล้วตนรู้สึกอึดอัด เพราะขนาดเล็กไม่เหมาะกับตัว ใส่ไม่สบายตัว ทำงานไม่สะดวกจึงไม่ได้หยิบมาใส่อีก
นายอนามัย กล่าวต่อว่า ตอนที่เจอเสื้อส้มซุกในโพรงไม้ ตนก็ยังแอบตกใจว่าใครขโมยเสื้อตนไปซุกไว้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นเสื้อตัวนั้นเต็ม ๆ ก็มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นเสื้อที่มาจากคนละบริษัทกัน เพราะตนซื้อจากอำเภอดงหลวง ส่วนเสื้อตัวที่เจอนั้นเป็นเสื้อจากบริษัทที่อยู่ต่างอำเภอ
สำหรับการเจอหลักฐานชิ้นนี้ ตนก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการของตำรวจ ส่วนปลอกหมอนสีขาวที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ นั้น ตนก็ไม่มั่นใจว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ตำรวจได้เอาไปตรวจแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจว่าทำเสื้อสีส้มถึงไปอยู่ในโพรงไม้ ส่วนจะเชื่อมโยงกับคดีของน้องชมพู่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตำรวจ
ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่ของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนก็ได้ไปดูเสื้อสีส้มที่ซุกอยู่ในโพรงไม้ ยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจ ซึ่งเมื่อดูก็รู้ว่าเป็นเสื้อที่แถมมากับการซื้อรถไถ และคล้ายกับเสื้อที่ตนมีอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ใช่เพราะเสื้อของตนก็ยังอยู่ที่บ้าน ซึ่งจากการสังเกตตนก็ไม่รู้เจตนาว่าทำไมถึงมีคนนำเสื้อสีส้มไปซุกซ่อนไว้ใต้โพรงไม้ เหมือนจงใจจะซุกซ่อนไว้ ซึ่งในใจตนก็คิดว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีของน้องชมพู่ และตนก็อยากให้มีอะไรที่เกี่ยวพันกับคดีด้วย เพื่อที่ตำรวจจะทำงานได้สะดวกขึ้น และถ้าเสื้อตัวดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับคนร้ายจริง ตนก็จะมีกำลังใจดีขึ้น และความหวังที่ใกล้เข้ามาก็น่าจะจับคนร้ายได้เร็วขึ้น ซึ่งตนก็หวังว่าเสื้อสีส้มที่เจอจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ
นางสาวิตรี แม่ข้องน้องชมพู่ กล่าวว่า แม้ว่าจุดที่พบเสื้อจะอยู่ใกล้กับร่องน้ำที่มีต้นน้ำมาจากเขาภูเหล็กไฟ แต่ตนคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่น้ำจะพัดเสื้อไหลลงมาจากภูเหล็กไฟ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาฝนยังไม่ตกหนักถึงขนาดที่น้ำจะไหลหลากสูงถึงระดับพื้นดินที่พบเสื้อ
นางสาวิตรี บอกอีกว่า วันนี้ตนได้กลับมาที่บ้านเพื่อตรวจดูเสื้อสีส้มของตัวเองพบว่ายังอยู่ และนำออกมาแขวนโชว์เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งเสื้อตัวนี้ตนจะเป็นคนใส่ ส่วนนายอนามัยนั้นจะไม่ค่อยใส่ เนื่องจากเคยใส่แล้วขนาดเสื้อค่อนข้างจะเล็กและคับ ซึ่งตนก็ไม่ได้กังวลว่าใครจะจับจ้อง แต่สาเหตุที่ตนรีบเอาเสื้อส้มของตัวเองออกมาดู เพราะตนเห็นแล้วว่าเสื้อที่เจอเหมือนเสื้อที่ตนมี จึงรีบกลับมาดูว่าเสื้อยังอยู่หรือไม่ และยอมรับว่ารู้สึกสบายใจที่ได้นำเสื้อออกมาให้ทุกคนดูว่าของตนยังอยู่
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านกกกอก ไปพูดคุยกับนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ เปิดเผยว่า สำหรับเสื้อส้มนั้นตนมองว่าเหมือนเสื้อที่ร้านแถมจากการซื้อรถไถ ซึ่งถ้าคนที่จะมีเสื้อลักษณะนี้เป็นเสื้อของคนที่มีรถไถเท่านั้น ซึ่งในประเด็นเสื้อก็ต้องให้ตำรวจพิสูจน์ต่อไปว่าเกี่ยวข้องกับคดีของน้องชมพู่หรือไม่ และตนยืนยันว่าไม่มีเสื้อแบบนี้ แม้ว่าจุดที่พบเสื้อจะอยู่หลังบ้านตนไปประมาณ 200 เมตร ซึ่งบริเวณนั้นเป็นสวนของชาวบ้านกกกอก และตนก็ไม่เคยไปเก็บหน่อไม้ในบริเวณนั้น
นายไชย์พล กล่าวต่อว่า ตอนที่รู้ข่าวว่าเจอเสื้อส้มนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจ เพียงแต่ภาวนาขอให้เสื้อส้มนั้นเกี่ยวกับหลักฐานในคดีบ้าง ถ้าจะโยงไปกับคดีได้ก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเจ้าของเสื้อออกมายืนยัน แต่ก็ต้องรอตำรวจไปตรวจว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ และแม้ว่าเสื้อจะอยู่ห่างจากบ้านตน 200 เมตร ถ้าตำรวจมาขอตรวจ ตนก็ยินดีให้ความร่วมมือ
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาตรงจุดที่พบเสื้อส้ม ซึ่งอยู่ในสวนของ นายตุง อวนวัง ที่ดินติดกับห้วยบุง ห่างจากบ้านของน้องชมพู่ราว 500 เมตร และห่างบ้านลุงพล 600 เมตร ซึ่งหากเดินลัดเลาะไปตามห้วยบุง ไปหลังบ้านลุงพล ระยะราว 200 เมตรเท่านั้น ถนนทางเข้าพบว่าต้องผ่านบ่อเลี้ยงหนูที่ดินของแม่น้องชมพู่ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงหนูแล้ว ใช้เพียงปลูกผักหวาน อยู่ใกล้กับสวนยางพาราที่เจอเสื้อ ห่างกันราว 50 เมตร
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้สำรวจชาวบ้านที่มีรถไถนาคูโบต้า ในบ้านกกกอกทั้งหมด พบว่ามีจำนวน 4 คัน คันแรกเป็นของนายจ่อย (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน) คันที่ 2 ของนายวัด คันที่ 3 ของนายหลบ คันที่ 4 เป็นของพ่อแบม
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับพ่อแบม เจ้าของรถไถนา โดยพ่อแบมให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับรถไถนาของตนนั้น เป็นรุ่น L4708 ออกมี่ร้านอาร์เอ็มจี ออกตั้งแต่ 11 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นตนได้รับเสื้อที่แจกจำนวน 2 ตัว เป็นเสื้อสีเทา แขนสั้น แถบส้ม และเสื้อแขนยาวสีเทา ส่วนเสื้อที่ชาวบ้านกลุ่มหาหน่อไม้ไปเจอ ตนก็คิดว่าน่าจะเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่ได้ ตนก็เคยไปไถนาที่สวนยางแถวนั้นประมาณ 1 ปี และเคยขับรถผ่านประมาณ 3 เดือนที่แล้ว
เท่าที่ตนดูรูปเสื้อส้มตัวดังกล่าว ตนก็เคยเห็นเจ้าของรถไถ จำนวน 3 รายที่ใส่เสื้อแบบนี้ แต่ตนไม่อยากเอ่ยชื่อ ส่วนกรณีที่ตนได้ยินเสียงหมาเห่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.63 และวันที่ 12 พ.ค.63 ก็ไม่มีตำรวจมาสอบสวนตนเพิ่มเติม มีแต่พูดคุยเรื่องทั่วไป แต่ตนก็มีกังวลอยู่บ้างที่ตนออกมาให้ข้อมูลเรื่องหมาเห่า
นายวัด ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีรถไถนาคูโบต้า L5018 และตนโดยตนได้เสื้อส้มที่แจกกับรถไถมา 2 ตัว ตัวหนึ่งอยู่บ้าน และอีกตัวอยู่ที่นา แต่จะแตกต่างกันตรงข้อความด้านหลัง และเสื้อสีส้มของตนก็ไม่มีตัวไหนที่หายอีกด้วย สำหรับจุดที่ชาวบ้านเจอเสื้อส้มนั้น ตนก็เคยขับรถผ่านเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา และไม่เคยไปที่บริเวณนั้น และตนก็ไม่กังวลใจ ถึงแม้ว่าเสื้อส้มที่ชาวบ้านเจอจะโยงมาถึงตนเอง
นายหลบ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า สำหรับรถไถนาของตนนั้น เป็นรถรุ่น L4707 ที่ผ่านมาตนไม่มีเสื้อสีส้มสูญหาย และเสื้อที่รถโคโบต้าแจกตนนั้น เป็นเสื้อยืดสีฟ้า จำนวน 2 ตัว และวันนี้ตนก็ได้ใส่ให้ทีมข่าวดู
ทั้งนี้ตนไม่กังวลใจแต่อย่างใด เพราะเสื้อของตนเป็นคนละแบบกับเสื้อที่ชาวบ้านเจอ แต่ตนก็คิดว่าเสื้อที่ชาวบ้านเจอนั้น น่าจะเชื่อมโยงกับคดีน้องชมพู่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีแก๊งจำปามาให้ข้อมูลว่าเคยเห็นชายเสื้อส้ม
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายจ่อย หนึ่งในเจ้าของรถไถนาคูโบต้า ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า สำหรับรถไถของตนนั้น เป็นรถไถนาคูโบต้า L47045SP ซื้อมาจากร้านอาร์เอ็มจี จ.สกลนคร และตนได้รับเสื้อแจกจำนวน 1 ตัว ทีมข่าวจึงเอาภาพเสื้อส้มที่ชาวบ้านกลุ่มหาหน่อไม้ไปพบ นายจ่อยก็ยอมรับว่าใช่เสื้อของตนจริง
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปลายปี 62 ตนได้ไปหาหน่อไม้ ที่สวนยางพาราของนายตุง ซึ่งตรงนั้นจะเป็นริมห้วยบุง โดยตนได้ใส่เสื้อส้มตัวดังกล่าวไปหาหน่อไม้ และเกิดระคายเคืองผิวหน่อไม้ จึงได้ถอดเสื้อสีส้ม และพันเสื้อยัดทิ้งไว้ใต้ขอนไม้ ตั้งใจให้น้ำพัดลอยไป แต่น้ำก็ไม่พัดไป ที่ตนต้องไปยัดเสื้อไว้ในขอนไม้ริมห้วยบุง เนื่องจากสวนยางพาราของตนอยู่ติดกับสวนของนางตุง และอีกหนึ่งสาเหตุที่ตนทิ้งเสื้อตัวดังกล่าว เนื่องจากเสื้อตัวดังกล่าวดำและสกปรกแล้ว มีกลิ่นเหม็น ตนก็ซ่อนเสื้อไว้ก่อนน้องชมพู่จะหายตัวไปตั้งหลายเดือน
ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าเสื้อสีส้มตัวดังกล่าวเป็นเสื้อของตน ที่ตนมั่นใจแล้วถึง 90% อีก 10 % ที่จำไม่ได้ คือ ตัวหนังสือที่อยู่ด้านหลัง แต่ตนก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ก่อเหตุลักพาตัวน้องชมพู่อย่างแน่นอน ตนไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด เพราะตนมั่นใจว่าตนไม่ได้ทำ ถามว่าตนไปสวนยางของตนที่อยู่ติดกับจุดเจอเสื้อตอนไหน เมื่อเช้านี้ตนก็เข้าไปหาหน่อไม้ที่สวนของตน แต่ไปไม่ถึงจุดเจอเสื้อส้ม
ถ้าหากว่าคนร้ายสวมรอยเอาเสื้อของตนไปใช้ก่อเหตุ ตนก็ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ตอนที่มีข่าวออกมาว่ามีชาวบ้านเจอเสื้อส้ม ตนก็คิดในใจอยู่ว่าเป็นเสื้อของตน แต่ตนก็ไม่ได้บอกใคร ตั้งใจว่าจะไปบอกตำรวจด้วยตัวเอง และตนก็อาจไปยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นเสื้อของตนจริง แต่จะมาว่าตนอุ้มน้องชมพู่ไปฆ่านั้น ตนไม่ได้ทำแน่นอน พ่อแม่น้องชมพู่ตนก็ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกัน ขนาดตนจะจับน้องชมพู่ น้องชมพู่ยังร้องเลย
และตนก็ยืนยันว่าที่ซุกเสื้อไว้ ไม่ใช่เพราะตนหนีคดีอื่น ๆ อีกด้วย ถามว่าทำไมตนไม่ซ่อนเสื้อที่สวนตนเอง ก็เพราะว่าตนเดินออกมาจากสวนของตน เพื่อหาหน่อไม้แล้ว และถามว่าตนจะไปหาตำรวจตอนไหน อยู่ระหว่างปรึกษาครอบครัว และพอเสื้อของตนถูกเอาไปตรวจสอบแบบนี้ ตนก็ยังกลัวว่าตนจะเป็นแพะหรือไม่
ล่าสุดตำรวจชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ ให้ข้อมูลว่า ได้ทำการตรวจสอบหลักฐานที่เก็บได้ โดยเสื้อสีส้มมีปลวกเริ่มทำรังคาดว่าจะต้องถูกซุกซ่อนไว้เกิน 15 วัน และคาดว่าเสื้อไม่ได้ถูกน้ำพัดมา เนื่องจากริมห้วยนั้นมีต้นไผ่ ถ้าหากน้ำพัดมาเสื้อตัวดังกล่าวก็จะถูกพัดไปติดกับต้นไผ่ อีกทั้งที่ผ่านมายังไม่มีน้ำป่าไหลหลาก ไม่มีทางที่จะถูกพัดไปถึงในโพรงดังกล่าว
ส่วนเศษผ้าสีขาวนั้น ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นปลอกหมอน และน่าจะเป็นผ้าที่พัดมากับกระแสน้ำและมาติดอยู่ที่ริมกอไผ่ แต่ตำรวจก็ยังไม่ตัดหลักฐานทิ้ง เบื้องต้นได้นำผ้าทั้ง 2 ชิ้นดังกล่าว ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานกลาง กรุงเทพฯ เพื่อตรวจ DNA และใช้กล้องความละเอียดสูงส่องดูขยายบนชิ้นผ้าว่ามีเส้นผม เส้นขน ติดอยู่บ้างหรือไม่
Advertisement