เมื่อวันที่ 8 ก.ย.63 ผศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า กรณีที่ตำรวจเชิญลุงม็อค ไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่ลุงพลไปส่งพระ และให้พาตำรวจไปที่พักสงฆ์ป่าช้าหลวง ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ตำรวจเชิญตัวตาม็อค เป็นเรื่องปกติ เพราะลุงพลให้การว่า วันที่น้องชมพู่หายตัว ลุงพลอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ตำรวจก็ต้องเรียกตัวสอบถามว่า ไปไหนกันมาบ้าง เพื่อดูว่าข้อมูลทั้ง 2 ฝั่ง ตรงกันไหม ส่วนเรื่องเวลาผ่านไปนาน แล้วเพิ่งสอบถามอีกครั้ง ความทรงจำอาจแตกต่าง แต่สาระสำคัญต้องจำได้
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าตำรวจน่าไปพบเจอประเด็นพิรุธ หรืออาจเป็นการเช็กข้อมูล ตรวจสอบข้อมูลซ้ำเพื่อให้สิ้นสงสัย แต่ตำรวจจะไม่บอกพยานว่าจะขอรีเช็กข้อมูล ตรวจสอบประเด็นไหน เพราะกลัวพยานจะรู้ความเคลื่อนไหว จึงเชิญตาม็อคมาพูดคุย และชี้จุดที่ไปส่งพระ
พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ฉายาสารวัตรแรมโบ้ อดีตผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตสารวัตรกองปราบนครบาล กล่าวว่า กรณีที่ตำรวจ เชิญตาม็อค ไปสอบถามข้อมูล และให้พาตำรวจไปที่พักสงฆ์ป่าช้าหลวง ต.บ้านเป้า อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ตนมองว่าเป็นผลดีกับลุงพล เพื่อจะได้เคลียร์เรื่องเวลา ไทม์ไลน์ของลุงพล ตำรวจจะได้สิ้นข้อสงสัยทั้งหมด
ขณะเดียวกัน สารวัตรแรมโบ้ ฝากถึงลุงพลว่า ช่วงนี้เป็นกระแสแรงมาก หากเป็นไปได้อยากให้ลุงพลแบ่งรายได้ส่วนหนึ่ง เช่น ได้มา 10 บาท อาจจะแบ่งไป 2-3 บาท ตั้งเป็นเงินกองทุน หรือเงินรางวัล สำหรับเป็นรางวัลให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส หรือให้กับคนที่นำจับตัวคนร้าย หรือรู้เห็นถึงตัวคนร้าย จนทำให้ตำรวจมีหลักฐานมัดตัวออกหมายจับได้ ถ้ากองทุนนี้ได้เงินจะเป็นผลดีกับตัวลุงพลเอง
ทั้งนี้ตนอยากแนะนำให้ลุงพล เป็นคนเปิดเกมนี้เลย หากไปปรากฏตัวที่ไหน ให้ลุงพลบอกเลยว่าเงินค่าตัวที่เข้ามาจะแบ่งให้กับคนที่ช่วยให้จับตัวคนร้ายได้ เชื่อว่าสังคมจะชื่นชมลุงพลมากขึ้นไปอีก รวมทั้งจะมีอีกหลายคนที่อยากร่วมด้วย เชื่อว่าจะมีเงินรางวัล หลายแสนบาท หรืออาจจะเป็นหลักล้านบาท และเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของลุงพลด้วย ว่าไม่ได้สร้างกระแสเพื่อตัวเอง แต่ช่วยให้หาตัวคนร้าย ช่วยให้เข้าถึงตัวคนร้าย ในคดีน้องชมพู่
กระแสลุงพล ช่วงนี้แรงมาก ๆ เงินก็จะเข้ามาเรื่อย ๆ ตนเชื่อมาถ้ามีเงินรางวัลจะมีเบาะแส หรือหลักฐานสำคัญในคดีนี้โผล่ออกมาอย่างแน่นอน จะเหมือนคดีของ ผอ.กอล์ฟ ยิงฆ่าชิงทองที่ จ.ลพบุรี พอตั้งรางวัลไม่นานก็จับคนร้ายได้ทันที
ขณะที่หมอปลา เริ่มมองการทำงานของตำรวจพื้นที่วนเวียนไปวนเวียนมา หากไม่มีฝีมือก็ควรจะเปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้ทีมอื่นเข้ามาทำแทนบ้าง ที่สำคัญการทำแต่ละเรื่องแต่ละจุดต้องมีมาตรฐานเดียวกัน
ทั้งนี้ตนได้ติดตามข่าวการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ 100 กว่าวันแล้ว เห็นว่าวนเวียนไปและวนเวียนมา มีความผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น และการดำเนินการหลายเรื่องไม่มีมาตรฐาน จนทำให้เกิดข้อครหา เมื่อเห็นว่าการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ทีมอื่นเข้ามาทำงาน ไม่ใช่ลากถูไปแบบนี้
ทีมข่าวเดินทางมาที่ คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ ได้พูดคุยกับคุณวิริยะ พงษ์อาจหาญ หรือ “อุ๊บ วิริยะ” ผู้จัดการดารา ระบุว่า หากลุงพลถูกตำรวจจับกุมตัว ถ้าถึงเวลานั้นจริง ๆ ตนมองว่า “the show must go on” ด้วยเหตุนี้ตนคงจะต้องขอร้องกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อที่จะขอให้ลุงพลได้ทำงานต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จะได้นำรายได้มาให้ครอบครัวลุงพล เพราะเงินค่าตัวเป็นเงินจำนวนมาก หากยกเลิกจะทำให้เสียหายทั้งหมด
โดยตนเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเห็นใจ เพราะคนไทยมีน้ำใจ และหลังจากที่เสร็จงาน ตนก็พร้อมที่จะให้ดำเนินตามกฎหมาย และตนกับหมอปลา พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ไม่มีทางทิ้งลุงพลแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตนยังคงเชื่อมั่นว่า “ลุงพลไม่ใช่คนร้ายแน่นอน”
ทนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ บอกว่า หากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลที่เชื่อได้ว่าลุงพล โดนออกหมายจับ ส่วนตัวพร้อมเป็นทนายความให้ลุงพล ตามขั้นตอนกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม หากศาลยังไม่ชี้ว่าใครผิด หรือใครคือคนร้าย หรือลุงพลผิดหรือไม่ จะไม่สามารถกล่าวหาใครได้ว่าเป็นคนกระทำผิด
หากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยานหลักฐานมาแล้ว จะมีการสรุปสำนวนเพื่อส่งให้อัยการ จากนั้นอัยการก็จะมีการพิจารณาตามหลักฐาน หากมีความเพียงพอจึงจะส่งฟ้องศาล แต่ทั้งนี้ถ้าหากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ อัยการก็จะมีการส่งให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากนั้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็จะเป็นคนพิจารณาตามที่อัยการเสนอมา หากเห็นด้วยตามอัยการก็ถือว่าคดีจะยุติ แล้วพนักงานสอบสวนก็จะไม่สามารถสอบลุงพลเพิ่มได้อีก
เว้นแต่ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เห็นแย้งกับอัยการ เรื่องก็จะถูกส่งไปที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด และจะเป็นไปตามความเห็นของอัยการสูงสุดเท่านั้น เช่น อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องก็จะไม่สามารถตอบใครได้ แต่ถ้าอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง คดีก็จะขึ้นสู่ศาลโดยทันที
ทีมข่าวโทรศัพท์ไปสอบถาม เพชร สหรัตน์ นักร้องที่แต่งเพลงให้ลุงพลร้อง ให้ข้อมูลว่า กรณีที่แต่งเพลง "ความจริงในใจ" ให้ลุงพลร้องนั้น ตนก็ไม่ได้โฟกัสเรื่องคดี เพียงเพราะเห็นลุงพลร้องเพลงเสียงเหมือนพี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ จึงได้เขียนเพลงให้ร้อง แน่นอนว่าการเขียนเพลงในช่วงที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาจะต้องมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องการถูกจับ แต่เพลงไม่ได้ชี้ว่าใครถูกหรือผิด ซึ่งทุกคนปฏิเสธว่าเราคือคนที่เสพข่าวเหมือนกัน อะไรที่เราช่วยเหลือหรือให้กำลังใจกันได้ก็อยากทำให้ และถ้าลุงพลไม่ผิดเพลงมันก็เข้าทางลุงพล ถ้าลุงพลผิดก็เป็นเรื่องของคดี ซึ่งเนื้อเพลงก็กลาง ๆ และตนก็ให้กำลังใจทุกฝ่าย คิดว่าคงไม่มีผลกระทบอะไร
ทีมข่าวได้สอบถามไปยังผู้ใจบุญที่สร้างบ้านให้ลุงพล กรณีหากลุงพลถูกจับในคดีน้องชมพู่ โดยทางผู้ใจบุญให้ข้อมูลว่า ถ้าหากลุงพลถูกจับ พวกตนก็ไม่กังวลหรือเสียดาย เพราะที่สร้างบ้านให้เนื่องจากพวกตนเป็นห่วงลูก ๆ ของเขา และจะไม่ผิดหวัง เพราะอย่างน้อยพวกตนก็ได้สร้างบ้านให้แล้ว ได้มีที่พักอาศัยที่ปลอดภัย และพวกตนเคารพในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ตำรวจไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
Advertisement