นุ-สารินี ปฏิเสธทุกข้อหา คดีฉ้อโกงเงินเจ๊อ้อย 39 ล้านบาท อ้างเงินได้มาจากการเทรดคริปโต
วันที่ 12 พ.ย.67 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.แถลงผลการจับกุม นายนุและภรรยา ชื่อสารินี 2 คนสนิททนายตั้ม ปมเงิน 39 ล้าน โดยจับกุมในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดฐานฟอกเงินฯ" พร้อมตรวจค้นพยานหลักฐานหลายจุด
พล.ต.ต.มนตรี ระบุว่า เราได้รวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งเมื่อวานนี้ได้ทำการขออนุมัติศาลอาญา ในการออกหมายจับ ผู้ต้องหา 2 ราย คือนายนุกับภรรยา ในความผิด "ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทําความผิดฐานฟอกเงินฯ"
และ เมื่อ 06.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้น เข้าทำการตรวจค้นแล้วก็จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนได้ในบ้านพักย่านวังทองหลาง ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การปฏิเสธ จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นในเคสนี้มีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน 3 คน ก็คือมีในส่วนของทนายตั้ม เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่เนื่องจากว่าเขาถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ ตำรวจจะเข้าไปทำการแจ้งข้อกล่าวหาในโอกาสต่อไป
ส่วนพฤติการณ์การกระทำความผิด เนื้อหามันอยู่ในสำนวน ขออนุญาตยังไม่เปิดเผย เบื้องต้นเชื่อว่าพฤติการณ์ของทนายคนดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง ก็เหมือนตามที่ปรากฏนี้เป็นข่าว เชื่อว่าสื่อมวลชนคงทราบอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดลึกๆมันเป็นเนื้อหาอยู่ในสำนวนจริงๆ ขออนุญาตยังไม่พูดถึง โดยการจับกุมครั้งนี้มีการตรวจยึดรถหรู 2 คัน แล้วก็ซิมโทรศัพท์ พร้อมกับสมุดธนาคารที่เป็นชื่อบุคคลอื่น
และจากการตรวจสอบประวัติพื้นฐานของ นายนุ พบว่ามีคุณแม่ได้สามีเป็นชาวเยอรมัน เขาไปอาศัยอยู่ที่เยอรมันตั้งแต่เด็ก และเรียนอยู่ที่นั่น ในด้านเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และไอที หลังจากเรียนจบที่เยอรมันก็ได้ทำงานที่บริษัทไอทีที่เยอรมัน 2 ปี และมีความชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องคริปโต หลังจากทำงานเก็บเงินทุนได้ ก็กลับมาอยู่ที่ประเทศไทย พอกลับมาก็มาเปิดเว็บไซต์ให้บริการเกี่ยวกับให้ดูหนังต่างประเทศฟรี จึงเป็นที่มาที่เขาถูกเจ้าของบริษัทภาพยนตร์ในต่างประเทศฟ้องลิขสิทธิ์ พอถูกฟ้อง เขาก็หาใครสักคนที่จะมาช่วยเรื่องคดีของเขา จนไปเจอทนายตั้ม ทนายตั้ม ก็เลยมาช่วยเรื่องคดีความ แล้วก็รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนเรื่องคดีของเขาตอนนี้อยู่ในระดับที่เจรจาค่าเสียหายกัน เรื่องราวก็ประมาณนี้
นายนุ อ้างว่าเขาทำบิทคอยน์มานาน บิทคอยน์ทำรายได้ให้เขาเยอะมาก แต่ก็อย่างที่บอกว่าเป็นคำพูดปากเปล่า ไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนเลย ในส่วนนี้ ตำรวจจะสืบสวนเพิ่มเติม
"เขาอ้างว่าเขาซื้อได้ราคาถูกและมาขายในราคาแพง ลักษณะเป็นนักเทรดตัวยง แต่ไม่มีอะไรมาแสดงว่ารายได้ยังไง"
ตำรวจ ระบุว่า เคสทนายตั้มเป็นที่สนใจ แล้วก็มีเบาะแสมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเบาะแสจากประชาชนที่ไม่เปิดเผยตัวอีกเยอะ เราเก็บประเด็นและตรวจสอบทุกประเด็น ถ้าอันไหนเป็นข้อเท็จจริงและเปิดเผยต่อสื่อต่อสาธารณะชนได้ เราก็พร้อมที่จะเปิดเผยและนำเสนอ แต่บางส่วนเราตรวจสอบแล้วก็ไม่เป็นข้อเท็จจริงเลย ส่วนประเด็นที่บอกว่าทรัพย์สินของทนายตั้มถุกเก็บไว้ซุกซ่อนไว้นั้น ทางตำรวจติดตามสืบสวนอยู่ ถ้าความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบแน่นอน
Advertisement