วันที่ 25 พ.ย.67 จากกรณีที่ทนายสายหยุด ถอนตัวจากการเป็นทนายของทนายตั้ม ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับทาง ทนายเกิดผล แก้วเกิด บอกว่าจากที่ตนเองติดตามข่าวมาข้อเท็จจริง ก็ชัดเจน ประการที่หนึ่งว่า ทนายสายหยุดเคย พูดว่า ถ้าคดีเงิน 39 ล้านบาท ทนายตั้มมีส่วนเกี่ยวข้อง เขาจะไม่รับทำในส่วนนั้น แต่เขาคิดว่า จะแยกฟ้องระหว่างเงิน 71 ล้านบาท แต่ครั้งนี้เหมือนกับพนักงานสอบสวนจะเอามารวมกัน เมื่อเอามารวมกันเส้นทางทางการเงินและข้อบ่งชี้ต่างๆว่า ตั้มไปมีส่วนเกี่ยวข้องเส้นทางการเงินของ 39 ล้านบาท ไม่ว่าจะใช้คนขับรถไปเอาเงินมาให้พี่สาวของภรรยา
ประการที่สอง พยานหลักฐานหลายอย่างบ่งชี้ไปที่ทนายตั้มด้วย
ประการที่สาม สัญญาที่ทนายตั้มเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นหวยออนไลน์ ที่อาจารย์ปานเทพมีอยู่ในมือกับของทนายสายหยุดไม่ตรงกัน ในส่วนของ ทนายสายหยุด มีพิรุธ สองฉบับ ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ กับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ มีความผิดปกติ ซึ่งทนายความทุกคนเมื่อเห็นสัญญาฉบับนี้ ก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้วว่า มันน่าเชื่อถือแค่ไหน แล้วควรจะไปต่อได้ไหม
ทนายเกิดผล มองว่า ทั้งหมดทั้งมวลทนายสายหยุดก็น่าจะไปวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วพอไปถามทนายตั้ม ถึงแนวทางการต่อสู้ แต่ทนายตั้มกลับปฏิเสธทุกอย่าง โดยไม่มีตัวเลือกเลย คงเป็นทางออกสำหรับทนายสายหยุดจะเลือกที่จะยุตติ
ทนายเกิดผล ยังบอกอีกว่า ถ้าหาก ทนายสายหยุดไม่พิจารณาดีๆแล้วนำพยานหลักฐานเหล่านั้นขึ้นไปใช้ โอกาสที่ทนายสายหยุดจะโดนดำเนินคดีในข้อหาใช้เอกสารปลอม ก็เป็นไปได้สูง
ส่วนสาเหตุที่ทนายตั้มเลือกที่จะต่อสู้ต่อ ทนายเกิดผล ไม่คิดว่าจะมีหมัดเด็ด เพราะคิดว่า พนักงานสอบสวนน่าจะมีมากกว่า เหตุผลเพราะว่าตัวทนายตั้ม เป็นทนายดังมีชื่อเสียง มีประสบการณ์ การดำเนินคดีกับทนายตั้ม ทำไมถึงมีการประชุมถึงมีการสอบพยาน สอบปากคำผู้เสียหาย สอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง นานขนาดนี้ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ต้องการที่จะเอาหลักฐานทุกอย่างที่มันรัดกุมมากที่สุด ประกอบกับว่า ณ ขณะนี้ทนายตั้มอยู่ภายในเรือนจำ ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาทำสำนวนกันไปถึงไหนแล้ว จนทำให้ทนายตั้มประเมินสถานการณ์ไม่ขาด จึงทำให้ทนายตั้มมีความเชื่อมั่นว่า ตัวเองจะสู้ได้
Advertisement