เมื่อเวลา 14.18 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยถึง 2 คดีสำคัญ ว่า เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) มีผู้ประกอบการรายหนึ่งเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับ พงส.กก.2 บก.ป. กรณีที่ถูกนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช รีดทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อช่วงปี 63-64 โดยนายสามารถมีพฤติการณ์อ้างถึงเทวดาที่จะมาดูแลคุ้มครองธุรกิจของผู้เสียหาย และมีการกล่าวอ้างว่าผู้เสียหายมีความผิด แต่ตัวผู้เสียหายเอง มีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดแต่อย่างใด แต่ก็กลัวว่าจะเกิดความเสียหายต่อธุรกิจจึงต้องยินยอมจ่ายเดือนละ 30,000 บาท เป็นเงินรวม 500,000 บาท
โดยขณะที่นายสามารถกระทำผิดนั้น ได้อยู่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่นั้น ทางบก.ปปป. กำลังนำรายละเอียดไทม์ไลน์เวลาที่รับตำแหน่งมาตรวจสอบ หากพบว่าเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ก็จะมีโทษหนักขึ้นไปอีก ซึ่งในส่วนนี้จะเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ และไม่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป โดยทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางจะเป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้เอง
ซึ่งตำรวจได้มีการประสานกับดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว โดยผู้เสียหายจะเดินทางไปพบดีเอสไอด้วย เพื่อให้ข้อมูลและพยานหลักฐานต่างๆที่มีอยู่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในส่วนของเรื่องฟอกเงิน
ซึ่งเส้นเงินนี้มีการโอนไปยังบัญชีคนใกล้ชิด ซึ่งคนใกล้ชิดได้มีการมาพบตำรวจแล้ว เพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้การเป็นประโยชน์ โดยบัญชีคนใกล้ชิดดังกล่าวยังโยงไปถึงบริษัทหนึ่ง ซึ่งกำลังมีปัญหาอยู่ขณะนี้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นบริษัทใด คิดว่าบริษัทคงจะฝีแตกเร็วๆนี้ โดยคาดว่าใช้เวลาไม่นานเพราะสอบพยานอีกไม่กี่ปากก็น่าจะดำเนินการได้ และเป็นอีกคดีหนึ่ง ที่น่าจะเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้นายสามารถ
ในส่วนเรื่องการพนัน ได้รับการยืนยันจากผู้ใกล้ชิดว่านายสามารถ ชอบเล่นการพนัน ที่มีส่วนได้ส่วนเสียหลายสิบล้านบาท และยังมีเงินที่ใช้ในส่วนอื่นอีกเยอะ ซึ่งอยู่ในเส้นเงิน 100 ล้านที่มีการตรวจสอบไปแล้ว
เมื่อถามว่ากรณีที่นายสามารถ อดอาหารและน้ำเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และสิทธิการประกันตัวนั้นมีความเห็นอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ก็เป็นเรื่องของผู้ต้องหา ส่วนทางตำรวจและดีเอสไอ ก็มีหน้าที่ทำตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพราะฉะนั้นก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาล ขอให้นายสามารถเข้าใจในเหตุและผล มองว่าการอดอาหารไม่ใช่ทางเลือก อย่าเลียนแบบพวกประท้วงอดข้าว อันนี้เป็นเรื่องของการกระทำความผิด ตนอยากให้ตั้งสติแล้วมาสู้กันด้วยพยานหลักฐานดีกว่า ถ้ามีพยานหลักฐานท่านก็สามารถที่จะรอดพ้นต่างๆ ได้”
ส่วนการดำเนินคดีกับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ตนได้ดูในส่วนของการสืบสวน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ขณะนี้เป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวนที่กำลังเร่งทำสำนวนอย่างเต็มที่ คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ เพราะมีการสอบพยานไปได้เยอะแล้ว โดยขณะนี้ตำรวจได้ทำคดีของนายรัฐภูมิอยู่ 3 คดี ซึ่งจะออกหมายเรียกหรือหมายจับนั้นก็ให้เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน เนื่องจากเราให้อิสระพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่ในการดำเนินคดีนี้
สำหรับคดีของนายรัฐภูมิ กับดิไอคอนกรุ๊ปนั้น มีการสอบสวนไปแล้ว จากการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่น่าจะเป็นพยายามฉ้อโกง แต่เข้าข่ายพยายามกรรโชกทรัพย์.
Advertisement