จากกรณี “ทรัส” หรือตัวยกแผ่นปูนที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม2 โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 1ช่วงที่ 3 พื้นที่ กม.21+600–กม.22+100 ถนนพระราม2 ขาออกกรุงเทพฯ หมู่ที่ 4 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ถล่มลงมา ในช่วงเวลา 04.07 น. วันที่ 29 พ.ย. 67 ขณะคนงานกำลังเชื่อมคานปูนเข้าด้วยกัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และผู้บาดเจ็บ 9 รายส่งโรงพยาบาล ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
คืบหน้าวันที่ 30 พ.ย. 67 ที่บ้านวังตามัวหมู่ 9 ต.วังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม นางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี แม่นายอภิวัฒน์ พะพันทาง 1 ในผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตาว่า ขอวิงวอนผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งบริษัทที่ลูกชายทำงานอยู่ได้ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระตามความเหมาะสม ที่เป็นห่วงอยู่ในขณะนี้คืออนาคตของหลานทั้ง 4 คน โดยเฉพาะในเรื่องทุนการศึกษา เนื่องจากลูกชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานหารายได้มาจุนเจือลูกน้อย และยังติดภาระส่งงวดรถกระบะที่เพิ่งถอยมาได้แค่ 1 ปี
แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวต่อว่า ในการเยียวยาเบื้องต้นจากเหตุลูกชายถูกคานถล่มทับครั้งนี้นอกจากประกันสังคมที่นายจ้างทำและหักเงินลูกชายจะได้เงิน 50,000 บาท ในการค่าทำศพและเงินทดแทนรายละ 792,792 บาทไ ม่รวมดอกผล ผู้เป็นบุพการีจะได้เงินบำเหน็จรวมระยะเวลา 10 ปี ในจำนวนนี้แล้วแต่ค่าแรงของลูกชายก็จะไม่รู้จะเพียงพอส่งลูกให้เรียนจบหรือไม่
นางกันนิกา กล่าวด้วยว่า หลังจาก น.ส.บี ศรีสิงห์ อายุ 27 ปี ชาวลาว อดีตภรรยาคนที่2 ที่เลิกราได้ 3 เดือน ได้นั่งรถตู้พาร่างลูกชายมาส่งถึงบ้าน และโปรยเหรียญเปิดทางมาตลอด ตกดึกอดีตลูกสะใภ้เล่าความฝันให้ฟังว่า ลูกชายยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ และหนาวสั่น ขณะรับศพเข้าบ้านมัวแต่ร้องไห้เสียใจ จนลืมไปว่าลืมแต่งขันธ์ห้า เปิดทางให้เจ้าที่เจ้าทาง รุ่งเช้าจึงแต่งขันธ์ห้านำของรักษามาอธิษฐานจิตให้ดวงวิญญาณลูกได้เข้าบ้านในที่สุด
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับทราบข้อมูลจากทางญาติว่าจะเลื่อนการฌาปณกิจออกไปจากที่มีขึ้นในวันที่ 2 ธ.ค. 67 เป็นวันที่ 7ธ.ค. 67 เนื่องจากทางบริษัทฯนายจ้างของนายอภิวัฒน์ขอนัดเจรจาตกลงจากเสียชีวิตในวันที่ 2 ธ.ค.67ท โดยเบื้องต้นทราบว่าทางบริษัทฯจะจ่ายเงินชดเชย 1 ล้านบาท หัวหน้างานจะให้เงินช่วยเหลือเยียวยา 5 หมื่นบาท จากนั้นก็จะยื่นเรื่องการเสียชีวิตของนายอภิวัฒน์ต่อประกันสังคม เพื่อรับเงินทำศพและเงินทดแทนต่อไป
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงความพึ่งพอใจในการที่จะได้รับเงินชดเชยและเงินทดแทนดังกล่าวหรือไม่ นางกันนิกา กล่าวว่า เงินจำนวนดังกล่าวที่จะได้รับตนไม่มั่นใจว่าจะเพียงพอเป็นค่าเลี้ยงดูแลให้หลานทั้ง4คนจนเรียนจบการศึกษาหรือไม่ แต่ตนก็เริ่มยอมรับถึงการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของลูกได้บ้างแล้ว
Advertisement