วันที่ 3 ธ.ค. 67 พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงปฏิบัติการ Cyber Guardian ทลายเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหา 8 ราย ยึดทรัพย์ได้กว่า 80 ล้านบาทว่า
ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB AOC โดยกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ทำการสืบสวนกรณีผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงินลงทุนผ่านเพจเฟซบุ๊กปลอมที่แนะนำการเทรดหุ้น โดยผู้เสียหายหลงเชื่อ และโอนเงินให้คนร้ายหลายครั้ง รวมมูลค่าความเสียหาย 3.8 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการเปลี่ยนสภาพเงิน เป็นเงินคริปโต ผ่านแฟลตฟอร์ม Binance แล้วโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ ก่อนถูกแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม โฉนดที่ดิน และรถยนต์ เมื่อทำการสืบสวนเพิ่มเติมก็พบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการทำธุรกรรมข้ามประเทศ เข้าข่ายการฟอกเงิน
พนักงานสอบสวนจึงได้ขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหารวม 12 ราย ประกอบด้วย เจ้าของบัญชีธนาคารและบัญชีคริปโต ซึ่งเป็นบัญชีม้า จำนวน 4 ราย นายหน้าจัดหาบัญชีม้าและพาข้ามแดน จำนวน 3 ราย พนักงานออฟฟิศที่ทำหน้าที่สแกนหน้า และดูแลบ้านพัก ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 2 ราย และกลุ่มที่ฟอกเงินและรับผลประโยชน์ อีกจำนวน 3 ราย
ต่อมาเมื่อวันที่ 11-13 พ.ย. ที่ผ่านมา จึงได้มีการเปิดปฏิบัติการ เข้าตรวจค้นและจับกุม รวม 7 จุดทั่วประเทศ ในพื้นที่ นครราชสีมา ตาก สงขลา และกรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบัญชีม้า 3 ราย กลุ่มนายหน้า 2 ราย และกลุ่มผู้รับผลประโยชน์และฟอกเงิน 3 ราย
นอกจากนี้ ยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้จำนวนมาก ทั้งบ้านหรูราคา 27 ล้านบาท รถยนต์ 2 คัน คอนโดมิเนียมหรู 4 ห้อง โฉนดที่ดินจังหวัดภูเก็ต จังหวัดตาก จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย จำนวนหลายแปลง เงินสด 6 แสนบาท ทองคำแท่ง และกระเป๋าแบรนด์เนม รวมมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท
จากการตรวจสอบ พบความเชื่อมโยงของกระเป๋าเงินดิจิทับที่ใช้รับประโยชน์จากการรับโอนเงินคริปโตที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหาย และยังมีความเกี่ยวข้องกับคดีอื่นที่มีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้แล้วอีกหลายราย โดยมีมูลค่าเหรียญคริปโตที่โอนเข้ามายังกระเป๋าเงินนี้ รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท เป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ติดกับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
สำหรับผู้ต้องหาอีก 4 รายที่ยังจับกุมตัวไม่ได้ พบว่า ทำหน้าที่เป็นล่ามอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานกับตำรวจกัมพูชา เพื่อติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี รวมถึงจะเฝ้ามอนิเตอร์ว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการเดินทางกลับมายังประเทศไทยหรือไม่ และหากระหว่างนี้พบว่ามีทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ ก็จะทำการยึดทรัพย์สินมาตรวจสอบ
Advertisement