วันนี้ (4 ธ.ค. 67) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอบผบช.ก. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ชุดเล็กมีการพิจารณาบุคคลซึ่งมีชื่อ จ. ว่าไม่มีความผิดแต่ความผิดจะไปอยู่ที่ลูกน้องซึ่งมีชื่อ ค. ว่าเรื่องของ จ. ขณะนี้ตนมีข้อมูลจากชุดพนักงานสอบสวน ซึ่งมีข่าวว่าอนุกรรมการชุดเล็กจะไม่ชี้มูล จ.จะชี้มูลแค่ ค. ทั้งนี้ชุดพนักงานสอบสวนมองว่าพยานหลักฐานที่ได้ส่งเข้าไปเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มีการเชื่อมโยงและตรวจสอบได้ ถึงตัวตนของ จ. โดย จ. ได้นำเงินในบัญชีไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ มองว่า หากข้อมูลเหล่านี้เชื่อมโยงแล้วไม่ถึง จ. และไม่ได้รับการชี้มูล ก็ต้องพิจารณาหลายอย่างเพราะนี่เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งตัว ค. จะมารับเอง ค. จะมีเงินจากไหน ในเมื่อ ค. ได้เงินมาแล้วรวมเงินทั้งหมดโอนเข้าบัญชี จ. โดยผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ พร้อมชี้แจงรายละเอียดยิบ ซึ่งเส้นของไลน์ นั้นก็เป็นเส้นวิทยาศาสตร์โอนเข้าไปในเส้นของไลน์ ปุถุชนคนธรรมดาก็รู้ว่าใครเกี่ยวข้อง เพราะ ค. เป็นนายเวรของ จ. จึงไม่กล้าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง ซึ่งพอโอนเงินเสร็จ จ. ก็สั่งให้ ค.ทำอย่างอื่นต่อ ตนมองว่ามันจะไม่เกี่ยวกันอย่างไร
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวว่า ขอเรียนไปถึงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ที่ทำงานในเรื่องนี้ เราทำงานร่วมกันกับ ป.ป.ช. และมองว่า ป.ป.ช. เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ และอยากให้ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามทุจจริต และอยากจะมองเห็นประชาชนคนไทยทุกคน ได้รับความเป็นธรรมจากการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐและไม่อยากเห็นความเหลื่อมล้ำเรื่องกฎหมายที่จะยกเว้นคนที่กระทำความผิดโดยรวมศูนย์ความผิดไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง ตนคิดว่าเรื่องนี้น่าจะกระทบกับหน่วยงาน
“ครั้งหนึ่งตำรวจตกลงไปอยู่ในส่วนที่ต่ำสุดของตำรวจ และตอนนี้กำลังกู้คืนศักดิ์ศรีของตำรวจและประชาชนตาดำๆ จะได้รับความยุติธรรมเหมือนกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กังวล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นที่ตำรวจตกต่ำเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจบางคนที่ทำให้ชื่อเสียงของตำรวจตกต่ำด้วย และส่วนนี้กว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้มันใช้เวลา และหากต้องกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีกตนก็มีความกังวล หากถามว่ากลัวหรือไม่ที่จะเจอกับปัญหาอะไรก็ไม่รู้รู้สึกกลัว ยืนยันว่าสอบสวนกลางและตนไม่มีทางกลัวอยู่แล้ว”พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าว
พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเคารพความคิดของคณะกรรมการ และเชื่อว่าหากคณะกรรมการชุดใหญ่ ป.ป.ช. เห็นข้อมูลแล้ว ผลน่าจะมีความต่างออกไป
สำหรับกรณีที่มีคนมาร้องต่อกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. สั่งยุติเรื่องโดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีที่ส่วยคาราโอเกะ และยังขอให้ บก.ปปป.แจ้ง ป.ป.ช. ขอรับสำนวนดังกล่าวกลับมาดำเนินคดีเองภายในอายุความที่เหลือนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เรื่องนี้มีคนมาร้องเรียน แต่ตอนนี้เรากำลังทำเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จของนายพล จ. อยู่ ซึ่งเราจะนำเข้าไปรวบรวมสำนวนที่ ป.ป.ช. เพราะสืบสวนเจออีกว่า เราพบที่ดินอีกกว่า 50 ไร่ ตกไร่ละ 1 ล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และยังพบว่า มีการนำเงินไปซื้อ โดยซื้อเป็นชื่อของบริษัทภรรยานายพล จ. และโอนเข้าบัญชีแม่ภรรยานายพล จ. และมีพยานรู้เห็นในการซื้อที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบเส้นทางต่างๆ จึงได้ส่งพยานหลักฐานชุดนี้เข้าไปรวมอีกชุดหนึ่ง ซึ่งการชี้แจงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ค่อนข้างจะมีพยานหลักฐานชัดเจน
อีกทั้ง มีเจ้าหน้าที่หลายคนที่เป็นพวกกลุ่มอำนาจเก่า ที่ลาออกไปแล้วจากการเป็นประธานคณะอนุกรรมการชุดหนึ่ง และกลุ่มคณะกรรมการที่มีการร้องเรียนในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ใกล้ชิด และดูแลช่วยเหลือกัน จึงขอวิงวอนให้ ป.ป.ช. พิจารณาเรื่องนี้ โดยดูเส้นเงิน และพยานหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะหากหน่วยงานราชการขาดความเป็นธรรม ไม่ให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ คน สังคมก็จะอยู่ยาก
Advertisement