จากกรณี น.ส.ฉวี อาศัยสงฆ์ อายุ 44 ปี ถูกผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง เมาแล้วขับรถเบนซ์ชนรถจักรยานยนต์ ตกจากสะพานไทย-ญี่ปุ่น ลงมาด้านล่างถนนพระราม 4 เสียชีวิต โดยวัดแอลกอฮอลล์ได้ 119 มิลลิกรัม ขณะที่ญาติขอความเป็นธรรมให้รับผิดชอบ และนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด พื้นที่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
ทั้งนี้วันที่ 5 ธ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 6 บ้านหนองบัวน้อย ต.ห้วยหินลาด อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ไปพบกับครอบครัวของน.ส.ฉวี ผู้เสียชีวิต ซึ่งพ่อและญาติๆ พร้อมลูกสาวผู้เสียชีวิตได้นั่งปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการจัดเตรียมสถานที่รับศพ ซึ่งจะเดินทางมาถึงในคืนวันนี้ (5 ธ.ค.) และจัดตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่บ้านเลขที่ดังกล่าว
จากการสอบถามในเบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีลูกกับสามีเก่า 3 คน และมีพ่อชื่อนายหม่อน อาศัยสงฆ์ อายุ 83 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบ พูดจาไม่คล่อง และเดินไปมาก็ไม่สะดวก และได้พบกับ น.ส.มยุรี อาศัยสงฆ์ อายุ 21 ปี ลูกสาวคนที่2ของผู้เสียชีวิต และญาติๆ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ
น.ส.มยุรี กล่าวว่า แม่ไปทำงานอยู่ จ.ชลบุรีและจะเข้ามากรุงเทพฯสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อซื้อของประเภทกิ๊ฟช็อปไปขาย โดยแม่อยู่กับพี่สาวคนโต และน้องคนเล็กที่ จ.ชลบุรี ส่วนตนแต่งงานมีครอบครัวแล้วมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง และต้องมาคอยดูแลนายหม่อน ซึ่งเป็นตาทุกวัน
เมื่อวานนี้ก็ได้พูดคุยโทรศัพท์กับแม่ โดยแม่บอกว่าจะกลับบ้านอีก 2-3 วัน เพื่อมาทำบุญให้ยาย ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยแม่จะโอนเงินมาให้ใช้จ่ายก่อนจำนวน 1,500 บาท จากนั้นก็ไม่มีลางสังหรณ์ใดๆ เลยจนกระทั่งมีคนโทรศัพท์มาบอกว่าแม่เสียชีวิตแล้ว รู้สึกเสียใจมากที่ขาดแม่ ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวหาเลี้ยงลูกๆ หลานๆ และคุณตาในวัยชรา
ในส่วนของการดำเนินการต่างๆ อยากจะให้ผู้กระทำผิดออกมารับผิดชอบ ซึ่งตนก็อยากถามว่าเมาแล้วขับรถทำไม
น.ส.มยุรี บอกว่า หลังจากเสียคุณแม่ ซึ่งเป็นเสาหลักในครอบครัวไปแล้ว ตนก็ต้องทำใจ เพราะชีวิตจะต้องเดินหน้าต่อไป และจะเป็นคนคอยดูแลคุณตา พี่น้อง และลูกต่อไป
นายหม่อนผู้เป็นพ่อ ซึ่งพูดอะไรไม่ค่อยได้ได้ แต่ว่าเสียใจๆ พร้อมกับอยู่ในอาการโศกเศร้า
ด้านนางบุญมี โคตรวิชัย อายุ 48 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้นำศพกลับมาแล้วก็จะมาตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่บ้าน และก็อยากขอความเป็นธรรมกับผู้ที่ก่อเหตุว่าให้มาชดใช้ในส่วนที่ครอบครัวต้องสูญเสียน้องสาวไป เมื่อเสียน้องสาวแล้วครอบครัวก็คงลำบากมากขึ้น ส่วนพ่อตนก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลช่วยกันกับหลานสาว
นางเพชรา ศรีน้ำคำ อายุ 50 ปี ญาติของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า อยากฝากทางเจ้าหน้าตำรวจติดตามเรื่องนี้ให้ผู้กระทำความผิดรับผิดชอบเยียวยาด้วย และได้คุยกับทางลูกสาวของน.ส.ฉวีว่าอีก 2-3 วัน เขาจะขึ้นมาทำบุญ ข้าวหม้อแกงหม้อให้ยายที่เสียชีวิตไปเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา คือหลังจากสูญเสีย น.ส.ฉวีซึ่งเป็นเสาหลักครอบครัวแล้วก็ครอบครัวคงจะลำบาก ก็ภาวนาให้ครอบครัวเขาดูแลกัน และคิดว่าคนที่กระทำผิดในครั้งนี้คงจะมีความรับผิดชอบ
ส่วนลูกสาวคนโตของ น.ส.ฉวีก็มีครอบครัวแล้ว ลูกชายคนเล็กก็กำลังเรียนหนังสือไปอยู่กับแม่ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน คนที่เสียชีวิตก็เป็นเสาหลักเป็นคนหาเงินหาทองมาเลี้ยงดูลูก และพ่อ พร้อมกับส่งลูกเรียนหนังสือด้วย และเขาเคยบอกว่าเมื่อลูกคนเล็กเขาจบ ม.3 แล้ว เขาจะกลับมาบ้าน เพื่อมาดูแลพ่อ กำลังหาเงินมาซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน ส่วนพ่อของ น.ส.ฉวี ตนก็แวะเวียนมาคอยดูแลช่วยเหลือให้คำแนะนำต่างๆ
Advertisement