วันที่ 18 ธ.ค. 67 กลุ่มไอคอนแอคชั่น ที่เป็นตัวแทนผู้เสียหายจาก บ.ดิไอคอน กรุ๊ป ได้เดินทางยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อมอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการสืบสวน สอบสวนคดีให้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้มีผู้เสียหายยื่นเอกสารมาแล้วประมาณ 700 คน ผ่านการคัดกรองเอกสารแล้ว 400 คน และยังมีผู้เสียหายยื่นเอกสารเข้ามาเรื่อยๆ และอยากประชาสัมพันธ์ถึงผู้เสียหายที่ไม่รู้จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะผู้เสียหายกระจัดกระจายอยู่ทุกพื้นที่ อาจจะไม่ทราบข่าวสาร จึงอยากให้สแกนคิวอาร์โค้ดเข้ากลุ่ม เพื่อมาพูดคุย มาให้กำลังใจกัน และไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็เคารพการตัดสินของศาล
นอกจากนี้ ยังมีการข่มขู่ผู้เสียหายทุกวันว่าให้ไปถอนแจ้งความ และถ้าใครไปออกรายการต่างๆ จะถูกล็อกไม่ให้เข้าระบบของบริษัท จึงมองว่าเป็นการละเมิดหรือไม่ เพราะตนก็จ่ายเงินทุนไปแล้วแต่กลับโดนล็อกระบบทั้งๆที่สินค้าก็ยังอยู่ในระบบของบริษัทฯ
ส่วนหมายจับรอบ 2 ไม่มีความกังวลอะไร ให้เป็นไปตามขั้นตอนจะไม่ก้าวล่วง และจะรอความยุติธรรมอยู่ตรงนี้ แต่ขออย่าให้นานเกิน 1-2 ปี เพราะผู้เสียหายส่วนมากเป็นผู้สูงอายุที่รอใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิต จึงอยากให้เห็นใจในส่วนนี้
ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกว่า วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคมนี้ คณะพนักงานสอบสวนจะมีประชุมความเห็นทางคดีดิไอคอน ที่ตึกสอบสวนคดีพิเศษ ในเวลา 09.30 น. ก่อนจะส่วสำนวนคดีพร้อมความเห็นทางคดีส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ภายในวันที่ 23 ธันวาคม
ส่วนประเด็นที่พบหลักฐานเส้นเส้นเงินจากบอสพอลและบุคคลอื่น ที่โอนเข้ามาบัญชีของหวานใจนายสามารถ เบื้องต้นทีมข่าวได้สอบถามกับนายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา บอกว่า พนักงานสอบสวนพบบัญชีที่เป็นชื่อของหวานใจนายสามารถหลายบัญชี มีการรับโอนเงินจากบอสพอล และ บุคคลอื่น ในช่วงปี 2565 โอนเข้ามาหลายบัญชี ตั้งแต่หลักหมื่น จนถึงหลักแสน แต่รวมกันแล้วยอดไม่เท่ากับแม่ของนายสามารถ
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนประสานไปยังหวานใจของนายสามารถให้เข้ามาชี้แจง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูล ซึ่งเส้นเงินที่พบใหม่เป็นคนละกรรมกับเส้นเงินที่บอสพอลโอนเข้าบัญชีของแม่นายสามารถ
ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามไปยังร้อยเอก ธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของนายสามารถ บอกว่า ตนเองทราบถึงประเด็นเรื่องเส้นเงินของหวานใจนายสามารถที่ทีกระแสข่าว และตนเองได้ไปบอกกับนายสามารถที่เรือนจำแล้ว นายสามารถก็ไม่ได้เครียดหรือกังวลอะไร และทนายเองก็ยังไม่ได้รับการประสานอะไรจากDSI ถึงประเด็นดังกล่าว และยังไม่มีการเข้ามาสอบปากคำนายสามารถที่เรือนจำอีกด้วย
Advertisement